บันทึกของคนใจง่าย
เหตุเกิดจากความบังเอิญหรือเพราะพรหมลิขิตก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้มารู้จักพูดคุยกัน แม้จะเป็นแค่ในโลกเสมือนผ่านการสนทนาทาง MSN และ Face book
แต่การสนทนาอย่างออกรสออกชาตินำมาซึ่งความคุ้นเคยกันดั่งญาติสนิทมิตรสหาย อาจจะเป็นเพราะพื้นฐานเป็นคนชอบเฮฮา สนุกสนาน ชอบกวนคนอื่นให้มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะและมีความสุข แต่ไม่ถึงขั้น กวน มีน โฮ แต่อย่างใด เป็นได้แค่ กวน มึน ฮา เท่านั้นเอง (กวนนิดๆ ทิ้งเวลาคิดพอมึนๆ และสุดท้ายก็จะเกิดอาการฮาและขำภายในเวลาไม่นานนัก ถ้าใครที่เส้นประสาทรับความขำอยู่ตื้นก็จะปล่อยก๊ากกก แบบเฉียบพลัน แต่ในคนที่เส้นประสาทเส้นนี้อยู่ลึกนิดนึงก็จะขำแบบค่อยๆเป็น ค่อยๆ ไป)
ด้วยความประทับใจในคารมคมคายของคุณหมอจอมป่วน อาจารย์พยาบาลกวนมึนฮา ก็เลยเกิดความสนใจ ใคร่อยากจะรู้จักกลุ่มเฮฮาศาสตร์ ขึ้นมาในทันใด คนกลุ่มนี้เป็นฉันท์ใดหนอ คงจะมีแต่คนอารมณ์ดีเป็นที่ตั้ง และคงเป็นกลุ่มของคนที่มองโลกในแง่ดี มีความเฮฮาสนุกสนาน ปฏิบัติการชักจูงใจจึงเกิดขึ้น (ขอย้ำชักจูงใจไม่ใช่..จมูก อิอิอิ )
ไอ้เราเองก็เป็นคนประเภท อยากรู้อยากเห็นไม่ใช่สอดรู้สอดเห็นนะ เพราะคนละความหมายกัน ตามประสานิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่เรื่องมากใครเขาชวนไปไหน ถ้าสนใจมาก ๆ ไปได้ก็ไปกัน (ไม่แน่ใจว่าความหมายจะใกล้เคียงคำว่าใจง่าย รึเปล่านะ อิอิอิ) การเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างไม่เป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้น
สิ่งแรกที่อยากเรียนรู้ร่วมกับกลุ่มเฮฮาศาสตร์ คือปฏิบัติการพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง โบราณว่าไว้ ตาเห็นไม่เท่ามือคลำ แต่เรามีทั้งตาและมือจึงอยากจะเห็นและคลำไปพร้อม ๆ กัน เมื่อคุณหมอจอมป่วนเชิญชวนให้ไปเยี่ยมชมสวนป่าท่านครูบาสุทธินันท์ ในระหว่างวัน 10-12 ธันวาคม 2553 เพราะมีกิจกรรมน่าสนใจ เมื่อได้รับคำท้า อ้อไม่ใช่ คำเชิญ คนใจกล้าอย่างเราจึงตอบตกลง นี่คือที่มาที่ไปของฉายา “ใจง่าย” ที่ถูกยัดเยียดให้จากสมาชิกชาวสวนป่าครั้งนี้
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปพร้อมกับคณะคุณหมอจอมป่วนและคณะที่มาจากจังหวัดพิษณุโลก แต่ได้รับแจ้งถึงภารกิจที่ต้องไปประชุมวิชาการประจำปี ของ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2553 โดยต้องเดินทางวันที่ 12 ธันวาคม จึงขอขับรถมาที่สวนป่า อำเภอสตึกเอง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากครูสุคนสวยที่อุตส่าห์เสียสละมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ เพราะกลัวจะเหงาและกลัวจะง่วงครั้นจะนั่งมาคนเดียว การเดินทางสนุกสนานเพราะมีการสนทนากันมาตลอดทาง และได้ทำความรู้จักความเป็นมาของชาวเฮฮาศาสตร์ผ่านคำบอกเล่าของครูสุนั่นเอง ทำให้คิดว่าประสบการณ์ที่จะได้รับต่อไปนี้จากความใจง่ายของตัวเองครั้งนี้คงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
การเดินทางมาอำเภอสตึกครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่นับไม่ถ้วน เพราะมาบ่อยมาก มีญาติอยู่ที่อำเภอสตึกก็หลายคน แต่เหตุใดเลยข้าพเจ้าจึงไม่เคยรู้จักสวนป่าครูบาสุทธินันท์ เคยได้ยินแค่เพียงชื่อเสียงเรียงนามของท่านเท่านั้นเอง เรานี่ใกล้เกลือแต่กลับกินด่างแท้ๆ
การเดินทางไปสวนป่าทำให้เกิดอาการตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะต้องลุ้นตลอดทางว่าข้างหน้าจะตกหลุมเล็กหรือหลุมใหญ่ เอ..นี่มันทางไปสวนป่ารึพื้นผิวบนดวงจันทร์กันแน่ หลุมเล็กหลุมใหญ่บนท้องถนนส่งผลต้องให้คนขับมีสติและสายตาที่กว้างไกล หลุมเล็กอยู่ข้างซ้าย หลุมใหญ่อยู่ข้างขวา เอ ตกลงจะเสี่ยงตกหลุมไหนดีเนี่ย ????? การเจ็บก้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากแรงกระแทกของการตกหลุม สอนให้เรารู้จังหวะของขับรถอย่างระวัง เฉกเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตเราต้องรู้จักจังหวะของมันจึงจะทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น การเดินทางครั้งนี้สอนให้รู้ว่า การจะไปสู่จุดหมายอะไรก็ตาม เส้นทางที่เราเดินไปอาจจะไม่ได้สวยสดงดงามไปตลอดของถนนสายนั้น อุปสรรคในระหว่างทางอาจมีอยู่รายรอบ เราต้องอาศัยความกล้า เชื่อมั่นและอดทนที่จะเผชิญกับมัน หากเราล้มเลิกความตั้งใจเพียงแค่เจออุปสรรคหรือปัญหาเพียงเล็กน้อย เราอาจจะพลาดในสิ่งที่สวยงามที่เราคาดหวังและคงไม่มีเรื่องเล่าระหว่างทางที่จะเก็บเอามาเป็นประสบการณ์ชีวิตและถ่ายทอดบทเรียนสู่คนอื่น
ในที่สุดก็ขับรถมาถึงทางเข้ามหาชีวาลัยอิสาน เจอรถบัสมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีที่พยายามจะเลี้ยวเข้าสวนป่าแต่ด้วยทางที่แคบมากและถนนเป็นดินทรายล้วนๆ ทำให้ยากลำบากในการขับรถคันใหญ่เข้ามา นักศึกษาทั้งหลายจึงตัดสินใจทยอยเดินกันเข้ามาที่สวนป่าเอง บรรยากาศของสวนป่าช่างร่มรื่นเสียจริง มีต้นไม้นานาพันธุ์ เต็มไปหมด
บอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง รู้แต่ว่าหลากหลายละรื่นรมย์ สายลมเย็นๆ พัดมากระทบผิวกายแผ่วๆ ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ลืมอาการเจ็บก้นกระแทกเมื่อครู่ไปหมดสิ้น ไม่อยากจะเชื่อว่าสวนป่าที่เคยได้ยินแต่ชื่อจะน่าอยู่ได้เพียงนี้
เหมือนหลุดออกมาอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกแห่งสีเขียว มองไปทางใดมีแต่ต้นไม้ ถ้าที่ทำงานร่มรื่นน่าอยู่แบบนี้ เราคงไม่จำเป็นต้องเงินเสียค่าแอร์เดือนละหลายร้อยบาท ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดด ค่า SPF สูงๆ หลอดละหลายสตางค์ เพราะแดดในสวนป่า
ไม่ค่อยร้อนด้วยมีร่มเงาจากต้นไม้ช่วยบดบังให้ เสียงนกร้องไพเราะยิ่งกว่าเสียงเพลงตามสายเสียอีก มองเห็นผู้ใหญ่คนหนึ่งท่าทางจะใจดี ใบหน้าที่ยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาเยือนพร้อมด้วยแววตาแห่งความยินดี คนนี้กระมัง “ครูบาสุทธินันท์” แอบกระซิบถามครูสุด้วยเสียงเบาๆ เพราะกลัวจะเผลอปล่อยไก่เข้าสวนป่า เมื่อได้รับคำยืนยันจากครูสุดังนั้นจึงไม่รอช้าที่จะสวัสดีทักทายและหาโอกาสสนทนาถึงความน่าสนใจของสวนป่า โลกสีเขียวแห่งนี้ เอ..ชักจะรู้สึกชอบที่นี่เสียแล้วสิ
คิดไม่ผิดแล้วล่ะที่เราตกลงปลงใจมาที่นี่เอาเสียง่ายๆ ใครจะหาว่าใจง่ายก็คงไม่แคร์สื่อแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เริ่มมีอาการตกหลุมรักโลกสีเขียวแห่งนี้แล้วจริง ๆ ???????
9 ความคิดเห็น
ยินดีด้วยนะค้า คนใจง่าย อิอิ แต่สวยอ้ะ ไม่แคร์สื่ออยู่แระ อิอิ ลุงหมอจะว่าก็ว่าไปน้อ เราไม่สนๆๆๆๆๆ
• โอ้แม่ดอกลำดวนดง
เล่าได้โดดโด่งสนุกสนาน
มีลูกฮาลูกล่อพอประมาณ
ช่วยให้ลานปัญญาหายงงงวย
• นับเป็นวาสนาชาวฮาเอ๋ย
วันที่เหนื่อยจังเลยมีคนช่วย
โยนไมค์ให้ไหลรื่นชื่นระรวย
เหมือนคนไข้หายป่วยในทันที
• ใต้ชายคาของชาวเฮฮาศาสตร์
ดอกลำดวนสวยสะอาดจงสุขศรี
พวกพี่ป้าน้าอาหน้าตาดี
มารับญาติคนนี้เข้าบ้านเอย..
ถึงหน้าตาไม่ดีก็อยากอ่าน
อย่าปล่อยให้รอนานนะคะ อ.น้อย
มีคนนั่งหน้าจอเฝ้ารอคอย
รีบๆ ปล่อย ตอนต่อไป..มาให้ชม
เด้้อ..ค่า..
โอ้แม่ดอกลำดวนดง
คราวนี้ชาวเฮคงได้หายเหงา
มีคนใจสวยรวยเสน่ห์เท่ไม่เบา
มานั่งเล่าเรื่องฮาป่ากระจาย
ต้องถือว่านี่เป็นพรหมลิขิต
ให้ได้เจอมิ่งมิตรจิตสมาน
ขอยิ้มหวานอย่างนี้ไปอีกนาน
แสนชื่นบานกระชุ่มกระชวยไปด้วยกัน
นะจ๊ะคนใจง่าย ฮิ๊ว…….
ยินดีต้อนรับค่า ^^
ขอต้องรับน้องใหม
โดยการเขียนบันทึกมา่ซะดีดี
ยินดีต้อนรับค่ะ : )
ได้ข่าวว่า คนใจง่าย เพิ่มอีกแล้ว
คงไม่แคล้ว ได้ฮา กันหน้าตั้ง
เพราะส่วนใหญ่ คนใจง่าย ฮาเสียงดัง
วิ่งหน้าตั้ง มาต้อนรับ โดยฉับพลัน
เพราะใจง่าย มาก่อน จึงสอนสั่ง
น้องมาหลัง รีบบันทึก จะสุขสันต์
ให้ครูบา เจิมความฮา เพิ่มความมัน
ครบเครื่องครัน เฮฮาศาสตร์ สวัสดี….
ช่างสุดแสน ดีใจ ได้ร่วมแก๊ง
ฉีกยิ้มแฉ่ง อย่างชื่นชม สมใจหมาย
ชาวเฮฮาฯ จริงใจ ไม่เดียวดาย
แสนสบาย สุดสนุก โยนมุขกัน
ขอฝากเนื้อ ฝากตัว หัวใจด้วย
ยินดีช่วย บรรเทาทุกข์ เติมสุขสันต์
พร้อมแลกเปลี่ยน เรื่องเล่า มาเมาท์กัน
รับประกัน ผลงานนี้ มีเฮฮา…
โปรแกรม MSN เนี่ย ไปหาจากที่ไหนนะ อยาก กวน มึน ฮา บ้างอ่ะจ๊ะ
จะรับเ้ราเป็นแกีงส์ มั้ยนะ