ถึงเวลาจะเปลี่ยนไปแต่จิตใจเป็นสุข
อ่าน: 2104
เรื่องที่เขียนในวันนี้ ได้แนวคิดจากปัญหาของเพื่อนคนหนึ่ง ที่มีความทุกข์และได้บอกกล่าวเล่าสู่ฟัง ทำให้ต้องแสดงบทบาทศิราณีจำเป็นเฉพาะกิจ คนเราบางครั้งมีเมื่อมีความทุกข์ใจอันเกิดจากความคิดของตนเอง ก็มักจะคิดหมกมุ่นอยู่กับตนเอง วนเวียนไปมาหลายรอบ (มากกว่าการเวียนเทียนซะอีก) การช่วยเหลือทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำหน้าที่เป็น Recycle bin อย่างน้อย ๆ เขาก็คงจะรู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง (เลยจัดการมัดปากถุงให้เรียบร้อยเพื่อส่งให้เทศบาลกำจัดให้ถูกวิธีต่อไป)
ใกล้จะถึงปีใหม่อีกแล้ว หลายคนดีใจที่จะได้เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ หลายคนคาดหวังว่าปีใหม่จะได้พบเจออะไรที่ดีกว่าปีเก่า เพื่อนคนนี้ก็คงเช่นเดียวกัน คิดคาดหวังในทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสร้างความพอใจให้กับตนเอง แต่จะมีสักกี่คนไหมนะที่จะคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนเองได้ผ่านมาตลอดระยะเวลาของปีเก่า ว่ามีอะไรบ้างที่ตนเองทำได้ดีและภูมิใจ อะไรบ้างที่เป็นข้อบกพร่องหรือผิดพลาดที่ทำให้ตนเองเสียใจ เคยลองเปรียบเทียบดูไหมว่า สิ่งไหนมันมากกว่ากัน
ในการทำงานเรายังมีการประเมินผลเมื่อครบกำหนดตามเป้าหมายของระยะเวลาในวงรอบในแต่ละปี ถ้าชีวิตคนเราเป็นเช่นเดียวกันได้ก็น่าจะดี มีใครเคยประเมินการใช้ชีวิตในรอบปีหนึ่ง ๆ ของตนเองบ้างไหม??? ว่าเราใช้ชีวิตในรอบปีได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่??? หากเรามีเรื่องราวที่ทำให้เกิดความสุขและภาคภูมิใจมากกว่าเรื่องราวที่เสียใจนั่นคือการดำเนินชีวิตในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้กำไรในการใช้ชีวิต แต่หากเรามีเรื่องผิดพลาดหรือเสียใจมากกว่านั่นคือเราขาดทุนในการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนความสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่าเราเคยถอดบทเรียนชีวิตตัวเองบ้างหรือไม่ว่าปีที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตคุ้มค่าในเรื่องใดบ้าง ถึงแม้เราจะขาดทุนเพราะเวลาที่ผ่านมาเรามีความทุกข์มากกว่าความสุขแต่เราได้เรียนรู้จากความทุกข์ตรงนั้นได้ นั่นคือความคุ้มค่าของชีวิตในหนึ่งปี
ตลอดระยะเวลา 365 วัน จำได้ไหมว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เคยร้องไห้เสียน้ำตาไปกี่ครั้ง ดีใจและยินดีสุด ๆ ในเรื่องใด ได้บอกรักใครและแสดงความรักต่อใครไปแล้วบ้าง เคยทำอะไรให้ใคร ๆ เสียใจกี่ครั้ง ได้เดินทางไปสถานที่ใดบ้างและการเดินทางครั้งใดที่ประทับใจที่สุด ใครที่ทำให้เราดีใจหรือเสียใจ หนึ่งปีที่ผ่านมาเรามีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นกี่คน เราได้ติดต่อเพื่อนเก่า ๆ บ้างไหม และเราสูญเสียใครไปแล้วบ้างในปีที่แล้ว ฯลฯ
เรื่องราวสิ่งดี ๆ ทุกคนอาจจำได้แม่น แต่เรื่องความผิดพลาดที่ผ่านมาล่ะ เราควรจดจำไหม??? บางคนคิดว่าไปคิดให้มันเปลืองสมองทำไม จะให้คิดถึงเรื่องความผิดพลาดหรือความบกพร่อง เราควรจะลืมมันไปไม่ดีกว่าหรือ ความจริงคนเราทำเช่นนั้นได้ลำบาก อะไรที่อยากลืมก็กลับจำได้อย่างแม่นยำ แต่เรากลับเลือกจดจำจุดที่มันบั่นทอนความรู้สึกของตนเอง ความทุกข์มันจึงมีมากขึ้น ถ้าหากเปลี่ยนจุดคิดนิดแค่เดียวก็จะเกิดประโยชน์ได้มาก นั่นคือการคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดเหล่านั้นมากกว่าการคิดถึงผลของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ในเมื่อลืมมันไม่ได้ก็ควรคิดถึงจุดที่ก่อให้เกิดการพัฒนา นั่นคือ “เหตุแห่งทุกข์”
เมื่อเราเปรียบเทียบสิ่งที่ผ่านมาแล้วโดยคร่าว ๆ หากสิ่งที่ผิดพลาดนั้นสำคัญ ลองมองหา “เหตุแห่งทุกข์” เพราะเรารู้เหตุของความผิดพลาดที่ผ่านมา เราย่อมรู้หนทางที่จะพัฒนาสิ่งนั้นให้ดีขึ้นในปีใหม่ได้ การเปลี่ยน แปลงที่ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง เพราะการจะเปลี่ยนคนอื่นนั้นลำบากนัก เราควรคิดว่าวันนี้ทำได้ดีพอรึยังมากกว่าจะมองว่าคนอื่นทำดีแค่ไหน ความคิดมีทั้งด้านบวกและลบ คิดในทางสร้างสรรค์ให้มากกว่าบั่นทอนความรู้สึก จะเป็นการฝึกสมรรถภาพสมองของเราได้ดี และนั่นจะส่งผลต่อคุณค่าในการใช้ชีวิตของเราทำให้เราคุ้มค่ากับวันเวลาของเราด้วย เมื่อเราใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่าไม่ว่าจะปีเก่าไปปีใหม่มา เราก็ยังมีเวลาและโอกาสในการกระทำตามความคิดที่สร้างสรรค์ของเราปีละ 365 วันเท่าเดิมทุกปี การจะพบเจอสิ่งดีหรือไม่ดีนั้นสำคัญอยู่ที่ว่าเรามองสิ่งนั้นอย่างไรต่างหาก