หนี…….นรก
หนี………นรก
วันที่ 19 กันยายน 2551 เวลา 5 โมงเย็นเกินมานิดหน่อย คุณซาเล้งกำลังพาเรากลับบ้าน ออกจากที่ทำงานผ่านตลาดการเคหะ รถเยอะมาก ๆ เพราะพรุ่งนี้มีตลาดนัด ผ่านบ้านกึ่งวิถีหันไปดูนิดนึง…เศร้า…ชื่อนี้ไม่น่ามี
ออกถนนใหญ่สายรังสิตนครนายก ยูเทิร์น รถกลับไปทางรังสิต วันศุกร์ยูเทิร์นค่อนข้างลำบากรถออกต่างจังหวัดมาก ท่านตำรวจจราจรทำงานกันวุ่นไปหมดเพื่อให้รถเคลื่อนตัวได้เร็วที่สุด ก็ขอขอบคุณ สุดท้ายคุณซาเล้งก็พาเรามาถึงหน้าวัดมูลจินดาจนได้
เลี้ยวเข้าถนนผ่านหน้าวัดตรงไปหลังวัด เพื่อเข้าถึงทางลัดถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ลดรายจ่ายไป 30 บาท ไม่ต้องผ่านด่านจ่ายเงินโดยเจตนา
คุณซาเล้งพาเราวิ่งขนานไปกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่ในมอเตอร์เวย์โดยมีรั้วเหล็กเป็นตัวแบ่งเขต ส่วนอีกด้านจะเป็นทุ่งนา
เมื่อไม่กี่ปีก่อนบริเวณนี้เป็นทุ่งนาทั้งหมด ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร แต่ช่วงหลังไม่เกิน 5 ปี เริ่มมีโรงงานมาสร้าง ทีละโรงสองโรง จนบัดนี้มีร่วมสิบโรงงาน
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปมาก ๆ จากที่เราขับรถผ่านคนกำลังไถนา หว่านข้าว เก็บข้าว กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ของหนุ่มสาวชาวโรงงานแทน จากถนนที่ค่อนข้างว่างเปล่ากลายเป็นถนนที่มีรถวิ่งไปมาดูจอแจยามงานเลิกเปลี่ยนผลัด
เราผ่านทุ่งนา โรงงาน จนมาเจอถนนสายพหลโยธิน-ลำลูกกา ก็เลี้ยวซ้ายเจอศูนย์การค้าบิ๊กซี ที่เปิดให้บริการปีนี้เอง เปลี่ยนจากทุ่งนา สระปลูกบัวเป็นศูนย์การค้า แข่งกันเปิดจริง ๆ จนเดี๋ยวนี้มีศูนย์การค้าทุก ๆ 5 กิโลเมตร แต่ลูกค้ามาใช้บริการกันตรึมทุกแห่ง
ถึงจุดนี้ต้องระวังมากเพราะมีรถพลุกพล่านสารพัดรถ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง รถกระบะ รถบรรทุก แต่คุณซาเล้งก็พาเรามาจอดต่อท้ายรถคันหน้าเพื่อรอยูเทิร์นกลับไปขึ้นมอเตอร์เวย์
กำลังฟังเพลงอยู่เพลิน ๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งหน้าตั้งอยู่ริมถนนเหมือนหนีอะไรมาซักอย่าง เขาวิ่งผ่านหน้าคุณซาเล้ง เราเห็นหน้าเขาขาวซีดยิ่งกว่าผิวกายที่ขาวของเขาเสียอีก
เขารอจังหวะรถว่างเพียงเล็กน้อยวิ่งพลางยกมือขอทางรถที่วิ่งผ่านมา เพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนน ซึ่งรถก็ชะงักโดยอัตโนมัติ เมื่อข้ามใด้เขาก็วิ่งพลางหันไปดูด้านหลังไปตลอดและเลี้ยวเข้าซอย พอดีจุดที่เราจอดรออยู่ตรงปากซอยจึงได้เห็นเขาเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านหลังที่สาม
จากเดิมที่ใจคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคงวิ่งราวทรัพย์ของผู้เคราะห์ร้ายริมถนนแล้ววิ่งหนีมา แต่พอได้เห็นซึ่งสาเหตุก็ให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
คล้อยหลังเด็กหนุ่มวิ่งเข้าบ้านได้สักเสี้ยววินาที มีมอเตอร์ไซค์สองคันซ้อนผู้โดยสารมารวมแล้วแปดคน ทุกคนมีหน้าตาเบิกบานเหมือนมีความสุขเสียเต็มประดา ทุกคนมีรอยยิ้มเพชฌฆาตบนเรียวปาก มาจอดที่ปากซอยที่เด็กหนุ่มคนแรก ได้วิ่งหน้าตั้งเข้าบ้านไปแล้ว และรถมอเตอร์ไซค์คันแรกทันได้เห็นหลังไว ๆ ของเด็กหนุ่มที่วิ่งหนีเข้าบ้าน
ทั้งแปดคนลงจากรถมอเตอร์ไซค์ด้วยมาดของผูู้ล่า ที่เจอเหยื่อจนตรอก ทุกคนชักปืนที่เหน็บเอวมาใส่กระเป๋ากางเกงเพื่อเตรียมตัวเข้าไปล่าเหยื่อในซอย ยมทูตทั้งแปดกระบอกสีดำมะเมื่อมดูน่ากลัว ช่วงนั้นรู้สึกขนหัวลุก เราคิดว่าผู้โดยสารในรถทุกคันที่จอดรอยูเทิร์นร่วมสิบคัน เขาคงเห็นเหตุการณ์ตลอด ช่างท้าทายกฎหมายบ้านเมืองเหลือเกิน
แล้วรถก็ได้จังหวะยูเทิร์นพอดี รถทุกคันเคลื่อนตัวออกจากจุดเดิม ยูเทิร์นผ่านซอยที่กลุ่มวัยรุ่นพากันเดินเข้าไป ต่างพากันมองเข้าไป จังหวะที่รถผ่านซอยเราเหลือบมองเข้าไปเช่นกัน เห็นกลุ่มวัยรุ่นยังยืนอยู่เต็มหน้าบ้านหลังนั้น
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปหรือเป็นมาอย่างไรเราไม่อาจทราบได้ ทราบเพียงแต่ในเสี้ยวหนึ่งของสมาธิขณะขับรถ ตลอดเส้นทางขับรถกลับบ้าน เราเฝ้าแต่พร่ำภาวนา ขออย่าให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับเด็กหนุ่มที่วิ่งหนี…นรกคนนั้นเลย
สวัสดีครับ