เค้าว่าหนูยึดติด ….
^^ ลัลล้าๆๆ ออกอาการมีความสุขเล็กน้อย หลังจากหมดเรื่องปวดหัวไป
อาการที่เป็นมาทั้งหมดในช่วง 2-3 วันนี้ ไม่ว่าจะเป็น หวง ขี้น้อยใจ ระแวง คาดหวัง ไม่อยากให้ใครสักคนไปสนิทกับคนอื่น หรืออะไรต่างๆนาๆ เราได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์แล้วว่า เป็นอาการของการยึดติด ยึดว่าสิ่งๆนั้นเป็นของเรา นั่นเอง เลยไปเปิดหากลูเกิ้ลคำว่า การยึดติด จึงได้บทความดีๆมาอ่านมากมาย และรู้ว่าวิธีจะรักษาอาการอย่างนี้นั้นต้องทำอย่างไร วิธีนั้นเค้าเรียกว่า “การปล่อยวาง” เพราะสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกไม่ใช่ของใคร แม้แต่เรายังไม่เป็นเจ้าของเราเลย แล้วเราจะไปเป็นเจ้าของคนอื่นได้อย่างไร อ่านบทความไปตาม คิดไปตาม บทความแนะนำให้เข้าวัด ทำบุญ เพราะธรรมะจะช่วยให้เราปล่อยวางมากขึ้น น่าเสียดายที่หาลิ้งค์บทความนั้นไม่เจอ ไม่งั้นจะได้เอามาแชร์ให้ทุกคนอ่านกัน
วันนี้เราก็เริ่มทำแล้ว เริ่มพิจารณาความรู้สึกหลังจากเกิดความรู้สึก หึง หวง หรืออะไรก็แล้วแต่ ค่อยๆพิจารณาว่า ตอนนี้เป็นทุกข์ไหม…. ทุกข์ กังวลไหม ….กังวล แล้วทำไมเราถึงเป็นแบบนี้….ที่เราเป็นแบบนี้เพราะเราคิดว่าเค้าเป็นของเรา ไม่อยากให้เค้าเป็นของใคร …และจริงๆมันใช่ไหม ….ไม่ใช่ ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่เป็นสิ่งของของใครทั้งสิ้น….เมื่อพิจารณาตามเหตุ ปัจจัยเสร็จ ใจก็เริ่มสงบลง ไม่เดือดเหมือนก่อนหน้า วันนี้อาจทำได้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าพยายามตั้งใจทำไปเรื่อยๆ สักวันการยึดมั่นของเราจะลดลง
มีใครบางคนบอกว่า การจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องค่อยๆทำไป …. พิจารณาความรู้สึกตัวเอง ….. รับรู้ว่าทุกข์หรือไม่ …. หาสาเหตุของความทุกข์ …. หาวิธีแก้ปัญหา ….และสุดท้ายลงมือปฎิบัติ
การยึดมั่นเป็นสิ่งที่มีในมนุษย์ทุกคนในโลก ทั้งยึดในแง่วัตถุสิ่งของ ยึดในตัวบุคคล สรรพสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่ได้ถาวร ไม่วันใดวันหนึ่งก็จากไป และถ้าถึงวันนั้นเราก็ต้องเสียใจ ที่สิ่งๆนั้นไม่สามารถอยู่กับเราได้ เราจึงควรปล่อยวางซะตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม จะทำให้ใจเราไม่ทุกข์จากสิ่งต่างๆในโลก ทำให้ใจเราเห็นความเป็นจริงของโลก ว่าทุกสิ่งมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ใจที่เป็นสุขคือใจที่สงบแล้ว ใจที่ไม่หวั่นไหวต่อเรื่องทุกอย่างเข้ามา วิธีทำให้ใจเป็นสงบได้ คงต้องฝึกปฎิบัติอย่างเดียว เพราะลำพังแค่ความคิดไม่อาจทำให้เราสงบได้อย่างแท้จริง
ปล่อยวาง ปล่อยวาง และปล่อยวาง
ราตรีสวัสดิ์คะ
3 ความคิดเห็น
รถยนต์ต้องมีเบรค
ถ้าไม่มีห้ามวิ่ง เดี๋ยวชนกระจุย
แม้แต่เบรคชำรุด ก็ไม่ควรวิ่ง อันตราย
เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “เบรคแตก” รถตกเขา รถอุบัติเหตุ
รถยังมีเบรค คนเราก็ควรมีเบรค
เบรคที่ใจ ทำยาก แต่ก็ต้องฝึกทำ
เหมือนฝึกขับรถ ต้องเร่งเครื่อง ชะลอ หยุด มันเป้นจังหวะคล้ายๆในชีวิตของเรา
ขอให้หายจากการปั่นป่วน
ใจอยู่กับงาน มีงานทำ ก็ทำๆๆๆๆ..
ใจง่าย ใจยาก ยากใจ ใจจดจ่อ เผลอใจ ….
สำคัญที่ใจ จริงๆเน้อ อิอิ
ดีใจด้วยจริงๆที่ได้สติ คิดได้ ขอให้อยู่กับความรู้สึกนี้ให้นานๆ ฝึกให้ใจนิ่งๆ ถ้ากลับไปเจอภาพเก่าๆที่ทำให้ใจร้อนรน จะได้ไม่ตกหลุมอารมณ์อีกนะคะ
ผมว่าใครๆก็เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้ และคงเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น มากน้อยเท่านั้น
และตัวเองแก้ปัญหานี้อย่างไร ด้วยวิธีไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องเฉพาะตน
สำหรับผมเองนั้น ได้ “ใช้เวลา” และควบคู่กับ “การเข้าถึง” ความจริงของสรรพสิ่ง
แล้วปรับความรู้สึกท่ามกลางอารยะธรรม
โดยมีหลักศาสนาเป็นพื้นฐาน เกิดมาเป็นตัวเป็นตน เจ้าความรู้สึกก็ติดตัวมา
ความเป็นตัวกูของกู ก็สะสมหนามากขึ้นมาอายุ โดยมีการปฏิบัติต่อกันของสังคมเป็นดั่งกิเลส
ที่กิเลสตัวนี้เหมือนกาวตราช้าง ติดหนึบเลย
การปฏิบัติต่อกันทางสังคมคืออารยะธรรมของมนุษย์นั่นเอง
ผมคิดว่า เราสร้างได้ ปฏิบัติได้ และควรสร้างควรทำแต่ต้องเป็นอารยะธรรมที่ดีงาม
ไม่ต้องขยายคำว่าดีงามนะครับ
ความรู้สึกมนุษย์คือพันธนาการที่ยิ่งใหญ่ เพราะตลอดชีวิตถูกหล่อหลอมด้วยค่านิยม
ความซิวิไลซ์ที่แท้จริงคือสนิมเกาะกัดตัวเองและสังคม
หากเราเรียนรู้การกำเนิดจักวาล “เราก็แค่ เศษธุลี ยกกำลังไม่รู้จบ”
และการเข้าถึงความจริงนี้ก็คือการปลดปล่อยตัวเอง
เรานั้นจริงๆไม่มีอะไรเลย แค่เศษธุลีปลิวอยู่ในที่กว้างขวางมหาศาลบานทะโล่นี่เอง
แล้วไปยึดติดเอาเป็นตัวกูของกูทำไม
ความรู้สึกเรา อารยธรรมของเราไปสร้างความมีตัวตนขึ้นมาให้เราวนเวียนอยู่นี่เอง
ปลดปล่อยออกไปเพราะตัวเองไม่มีอะไร
เอ เช้าวันนี้มาเทศนาซะแล้ว จบดีกว่า อิอิ