ต้นไม้มันหนัก….ใคร เหตุใดไปทำลาย
อ่าน: 206
จากการไปร่วมกิจกรรมเฮ 6 ทหารนอกอย่างลุงเอก พาสามทหารเสืออันประกอบด้วยหมอเจ๊ อึ่ง และอุ๊ยจันตา ที่หลงมานั่งรถกับลุงเอกให้เป็นสารถีให้โดยมิได้นัดหมาย พอออกจากที่พักไปชมรอยพระบาทในค่ายพ่อขุนเม็งราย ออกจากค่ายก็ตะลุยขึ้นเขาดอยทองหลังค่ายว่าจะไปกราบไหว้พระธาตุจอมทอง หันไปดูข้างหลังไม่มีใครตามมาสักคน
คนเชียงรายและคนที่มาเที่ยวที่เชียงรายนี่มักไม่มีใครรู้จักและสนใจที่จะมาวัดนี้เท่าใดนัก ทั้งยังไม่มีอยู่ในแผนที่การท่องเที่ยว เหตุเพราะว่าวัดนี้มีมาก่อนอาณาจักรพ่อขุนเม็งรายหลายร้อยปีนัก หรืออาจจะพันปีก็เป็นได้ยังไม่มีใครศึกษาสำรวจ ลุงเอกว่าน่าจะสมัยอาณาจักรหิริภุญไชย ปี 1200 เพราะในขณะนั้นนางจามเทวีที่ปกครองอยู่ลำพูนท่านสนใจในพระพุทธศาสนามาก ว่ากันว่าท่านเป็นผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาในล้านนา
เรียกได้ว่าวัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่วัดแรกในเชียงรายก็ว่าได้ ความที่ลุงเอกเคยมารับราชการอยู่ถิ่นนี้เป็นเวลาร่วม 5 ปีตั้งแต่ปี 2515 ขอโทษหลานๆที่ยังไม่เกิดด้วย ลุงเอกมาที่ค่ายนี้บ่อยๆจึงทำให้ทราบเรื่องราวบ้าง มาเมื่อไดที่เชียงรายก็มักจะให้คนที่มาด้วยออกนอกเส้นทางไปชมเสมอเพราะเก่าแก่จริงๆพระคุณท่าน
พ่อขุนเม็งรายน่ะท่านมาพบวัดนี้เมื่อปี พ.ศ. ๑๘o๕ คือตามช้างมาตามน้ำกกแล้วมาเจอวัดจึงสร้างเมืองอยู่ที่นี่ ว่ากันว่ามีเขียนไว้ในพงศวดารโยนกของพระยาประชากรจักรกล่าวว่า พระเถระนามพระพุทะโฆษา ชาวโกศลเมืองสุธรรมวดีได้ออกไปสู่เมืองลังกาทวีปนำคัมภีร์พระไตรปิฏก แห่งลังกาทวีปมาสู่โยนกนครไชยบุรีศรีเชียงแสน ในวันจันทร์ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๖ ปีชวด มหาศักราชได้ ๓๓๕ (พ.ศ. ๑๔๘๓) นำพระบรมสารีริกธาตุ ๓ ขนาดรวม ๑๖ องค์ ถวายแก่พระเจ้าพังคราช เจ้าเมืองโยนกนาคพันธ์ พระองค์ได้แบ่งพระธาตุส่วนหนึ่งบรรจุลงมหาสถูปบนดอยทอง ขนานนามว่าพระธาตุดอยจอมทอง เพื่อเป็นมงคลนามของเมืองมีพิธีสรงน้ำพระธาตุทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (เดือน ๕ เหนือ)
ในวัดจะมีกรุวัฒนธรรม บรรจุเรื่องราวทางวัฒนธรรมของชาติไทย โดยบรรจุไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2544 เขียนบอกไว้ว่ากำหนดเปิดอีก 100 ปีข้างหน้า คือวันที่ 19 มกราคม 2644 ลุงเอกคงตายแล้วมาเกิดใหม่ อาจจะเป็นสุนัขอยู่แถวนั้นก็ได้ ที่เชียงใหม่ก็มาเลียนแบบในภายหลังจะเปิด 13 เมษายน 2645 คือหลังเชียงราย 1 ปี ที่ทำอย่างนี้เพราะต้องการให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้า สืบต่อมรดกอันดีงามของชาติไทยต่อไป แต่ทำไม่ไม่มีใครใคร่ไปดูหนา…
เสาสะดือเมืองนี้จะใหญ่เท่าห้ากำมือและสูงเท่ากับความสูงของพระเจ้าแผ่นดิน โคนเสาสะดือเมืองนี้จึงใหญ่เท่ากับห้าพระหัตถ์กำ และสูงเท่ากับส่วนสูงแห่งพระวรกาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ได้เสด็จมาเจิมเสาสะดือเมืองนี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2531 ชาวเชียงรายจะมาสรงน้ำเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของชาวเมือง และเชื่อว่าน้ำที่สรงเสาสะดือเมืองแล้วเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ (อ่านได้ในแผ่นหินอ่อนที่อธิบายความครับ)