17 มีนา วันจำลาแดนปลาดิบ
นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซากุระก็ขวัญผวาและเป็นโรคจิตประสาทอ่อนๆ เกี่ยวกับแผ่นดินไหวและสึนามิ เพราะอาฟเตอร์ช็อคเกิดขึ้นวันละร้อยกว่าครั้งทุกๆ วัน และในไม่ช้าไม่นานก็มีข่าวเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ฟุคุชิมะระเบิด ในตอนนี้กะเหรี่ยงทั้งหลายก็ตามข่าวกันแทบจะทุกวินาทีด้วยความหวาดวิตก ที่ทำงานมีการจัดเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอัพเดทให้กับสมาชิกได้ทราบวันละหลายๆ รอบ มีการตรวจพบปริมาณรังสีในเขตที่ซากุระอยู่ด้วย แต่ว่ายังต่ำกว่าระดับมาตรฐาน แต่เนื่องจากโรงไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ปริมาณรังสีเข้มข้นเกินกว่าที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายได้ และอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เป็นที่หวาดวิตกกันโดยทั่วไปว่า เตาปฏิกรณ์อาจจะระเบิดขึ้นมาในไม่ช้า และเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ เราคงเป็นหนึ่งในนั้นที่จะได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์
ที่ทำงานของซากุระอยู่ห่างจากเตาปฏิกรณ์เจ้าปัญหาประมาณ 300 กม แต่นั่นก็ไม่ไกลพอที่จะพ้นจากรังสีได้ สถานการณ์ตอนนั้นพวกเราเริ่มขาดแคลนอาหาร สอบถามจากคนขายที่คุ้ยเคยกันได้ความว่าไม่มีรถมาส่งสินค้าเพราะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง รถไฟหยุดให้บริการหรือให้บริการเพียงบางส่วนเท่านั้น ในบางพื้นที่ไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล พวกเราเริ่มขวัญเสีย คนที่มีครอบครัวอยู่ในต่างจังหวัดก็เริ่มวางแผนลาหยุดงานกลับบ้าน สงสารคนที่ไม่รู้จะไปที่ไหน ก็ต้องแข็งใจทนอยู่ ส่วนซากุระต้องจำใจลาดินแดนที่เต็มไปด้วยซากุระสีชมพูบานสะพรั่งด้วยน้ำตาคลอเบ้า เพราะความอาลัยอาวรณ์และเสียดายดินแดนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและสันติสุขแห่งนี้ และการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อใด
ซากุระพร้อมเพื่อนกะเหรี่ยงอีก 4 ชีวิตตัดสินใจมุ่งหน้าลงทางใต้ ไปขึ้นเครื่องที่นาโกย่า เพราะเราไม่กล้าเสี่ยงที่จะเดินทางไปสนามบินนาริตะและฮาเนดะเพราะนั่นคือการเดินทางเข้าไปหากัมมันตภาพรังสี เมื่อหัีนหลังกลับไปมองร้านขายอาหารต่างๆ ที่เหลือแต่เชลฟ์ที่ว่างเปล่า ก็ให้แสนรันทดว่า คนที่อยู่ที่นี่จะอยู่จะกินกันอย่างไร แม้จะหิวแต่ก็สู้อดทนไม่ยอมซื้ออะไรจากร้านเหล่านั้นด้วยคิดว่าเราจะไปหากินเอาข้างหน้าจะไม่แย่งคนที่นี่กิน
เราออกเดินทางกันตั้งแต่แปดโมงเช้ากว่าจะไปถึงนาโกย่าก็เที่ยงพอดี ที่นี่เหมือนคนละโลกกับที่คานากาว่า ไม่มีแ่ผ่นดินไหว ไม่มีการขาดแคลนน้ำมัน ไม่มีการขาดแคลนอาหาร ผู้คนอยู่กันอย่างปรกติ ไม่มีข่าวแผ่นดินไหวหรือข่าวสึนามิถ่ายทอดตลอดเวลาเหมือนในเขตคันโต พวกเราเริ่มมีสุขภาพจิตดีขึ้น เริ่มพูดกันขำๆ ว่า ถ้าตัวเราโดนรังสีแล้วเรืองแสงได้คงแปลกดีเนาะ 555 แต่ถ้าโดนจริงๆ พวกเราคงไม่สนุกแน่ๆ
เวลาอยู่บนเครื่องซากุระก็ทานอะไรไม่ค่อยลง เพราะไปอ่านข่าวเห็นเด็กๆ ที่อยู่ในเขตมิยากิและเซนไดถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรอน้ำร้อนอยู่ข้างตึก ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายมาซ้ำเติมคนทุกข์ยากให้ทุกข์ซ้ำเข้าไปอีก อะไรหนอ ทำให้พวกเขาโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากมายถึงเพียงนี้ บางคนที่รอดชีวิตมาได้ ก็สับสนและหม่นหมองเพราะไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่รอดตายมาได้แต่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป
ขอให้ผู้ที่ล่วงลับจงเป็นสุขๆ ด้วยผลแห่งบุญที่ได้สร้างทำไว้ดีแล้วเถิด สาธุ
« « Prev : 11 มีนา วันมหาระทึก
Next : 27 มีนา โอฮะอิโย นิปโปน! » »
ความคิดเห็นสำหรับ "17 มีนา วันจำลาแดนปลาดิบ"