เรียนยังไงก็ไม่จบ
อ่าน: 3933ถ้าอีก 25 ปี ผมจะมีอายุหกสิบและสมมุติว่าผมตายพอดีตอนนั้นแสดงว่าตอนนี้ผมมีเวลาเหลืออีกสิบสามล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นนาที
เท่ากับว่าผมมีงบชีวิตทั้งหมดสามสิบเอ็ดล้านห้าแสนสามหมื่นหกพันนาที ใช้ไปแล้วทั้งหมดห้าสิบแปดจุดสามสิบสามเปอร์เซ็นตร์หรือสิบแปดล้านสามแสนเก้าหมื่นหกพันนาที
ถ้าเกษียณตอนห้าสิบห้า แสดงว่าเวลาที่เหลือทั้งหมดของผมจะต้องถูกใช้ไปแลกเงินทองเพื่อเอามากินมาใช้อีกประมาณ 2/5 ของวัน หรือมากกว่านั้น ประมาณการเป็นตัวเลขแล้วมากกว่าสี่ล้านนาที หมดไปกับการพักผ่อนอีก 1/3 ของวัน คำถามคือจะเหลือเวลาให้กับตัวเองจริงๆ ให้กับครอบครัว ให้กับคนที่รักกี่นาที แล้ววันนี้ใช้มันคุ้มค่าหรือยัง
จริงๆแล้ว สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของเราคือลมหายใจกับเวลาใช่หรือไม่ ลมหายใจบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ เวลาเป็นตัวแทนของการเดินทาง แต่หลายคนให้คุณค่ากับเวลาที่ไม่มีวันได้คืนเพียงแค่เงินไม่กี่หมื่นกี่แสน พิงอยู่บนความหวังอันง่อนแง่นว่าอีกไม่นานจะถึงเวลาแห่งความสุขความสบาย ทั้งที่เวลาแห่งความสุขนั้นหมดไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็ไม่เหลือเวลาแห่งความสุขเมื่อตระหนักว่าเวลาเหลือน้อยเกินกว่าที่จะมีความสุขได้อีกต่อไป
บางคนบอกว่าความสุขของคนเรานั้นต่างกัน ขอเถียงว่าไม่จริงเลย ความสุขของทุกคนเหมือนกันคือทุกข์ให้น้อยที่สุดเท่านั้นเอง ถ้าเอาเวลาที่เหลืออยู่มาประมาณมูลค่าใหม่แล้วจะพบว่า เราไม่ควรเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขเลยแม้แต่น้อย มุมมองแห่งคุณค่าของเราจะเปลี่ยนไปการตัดสินใจก็จะชัดเจนและมีแนวทางมากขึ้น รู้ว่าอะไรดีที่สุดกับชีวิตจริงๆ ควรเลือกทางเดินไหนให้กับชีวิตของเรา
หากเปรียบชีวิตเป็นการเรียนรู้ คงไม่มีใครอยากเรียนไปเรื่อยๆไม่มีวันจบ เรียนมาครึ่งชีวิตเพื่อพบว่าสิ่งที่เรียนมานั้นไม่ใช่คำตอบต้องไปหาเรื่องเรียนใหม่แต่เวลาก็เหลือน้อยลงๆทุกที ศาสตร์ทุกศาสตร์บนโลกนี้เรียนอย่างไรก็ไม่มีวันจบต้องเรียนต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันหยุด ผลที่ได้ก็ไม่เคยมีวันพอ ยกเว้นแต่เรื่องการจัดการความทุกข์ที่พระพุทธเจ้าทรงเมตตาสั่งสอนสรรพสัตว์เท่านั้นที่จะสามารถเรียนจนจบได้จริง ผลที่ได้เป็นที่สุดได้จริง คือการไม่ทุกข์อีกเลยอย่างถาวร
***
เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจในชีวิตของตนเองและผองเพื่อนเหล่ามนุษย์เงินเดือนในเมืองกรุง ที่เอาสุขภาพแลกกับสิ่งที่เราเรียกว่าความสำเร็จ เอาเวลาที่ไม่มีเหลือแล้วนี้แลกกับความก้าวหน้าทางอาชีพ กับการตัดสินใจย้ายไปอยู่ศูนย์ประจำภาคเปิดใหม่ที่ต่างจังหวัด ที่บ้านเกิดของตน ได้เงินเดือนระดับเดิมซึ่งสุดยอดแล้วในความคิดผมแต่ไม่ใช่ในความคิดเขาเพราะเสียดายโอกาสเติบโตในเมืองกรุง ส่วนผมเสียดายเวลาที่อยู่ในเมืองกรุง มุมมองของแต่ละคนต่างกันที่การไม่รู้เท่านี้เอง
ป.ล. เรื่องการเรียนไม่จบได้แรงบันดาลใจจากการฟังคำสอนของหลวงพ่อคำเขียนระหว่างเดินทางในรถทุกวัน ^^
บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันศุกร์, 23 กันยายน 2011 เวลา 10:15 (เย็น) และจัดไว้ในหมวดหมู่ สิ้นคิด. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.
#2:: kasapop 24 กันยายน 2011 เวลา 10:04 (เช้า)
นานๆ มีเรื่องอยากเขียนทีครับ ^^