เหมียว ง่า…
อ่าน: 2913ปกติผมไม่ค่อยจะชอบแมวเท่าไหร่ เพราะแหยงๆ เวลามันตั้งท่าจะตะปบหรือข่วนเวลาเข้าไปเล่นด้วย แถมเดาใจก็ยากว่ามันจะเล่นด้วยหรือมันจะหาเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียด อยู่ใกล้ได้ อุ้มได้ แต่ไม่รู้ทำไมมันมักจะรู้ และขู่ผมก่อนเป็นประจำ ก็เลยพยายามอยู่ห่างๆ ถ้าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่วายมีเรื่องราวกับแมวให้ได้จดจำอยู่เหมือนกัน
ยังจำได้อยู่เลย ว่าประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ที่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ตี 5 เพื่อออกจากบ้านแถวสายไหมไปทำงานที่ถนนวิทยุ ซึ่งต้องออกจากบ้านก่อน 5:45 เป็นอย่างน้อย เพราะต้องเผื่อเวลาไปส่งแฟนที่ชิดลมด้วย ทุกๆเช้าก็ต้องงัวเงียขึ้นมารีบๆๆๆ อาบน้ำ แต่งตัว แล้วขับรถไปทำงาน เช้าวันนั้นก็เป็นเหมือนทุกวัน ผมกับแฟนขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน พอติดเครื่องได้สักพักยังไม่ทันออกตัว แฟนผมก็สะกิดแล้วถามว่า ทำไมวันนี้เสียงเครื่องแปลกๆ ทำไมเสียงเครื่องมีดัง เมี๊ยวๆ ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าคงมีแมวอยู่บนรถ หรือใต้ท้องรถ แต่เสียงมันดังระงมหลายตัว แถมที่มาของเสียงมันแปลกๆ มันดันไปอยู่แถวๆ ตอนหน้าของรถ ผมกับแฟนก็เลยลงไปดู พยายามมองหา ก้มดูแล้วก็ไม่เห็น สุดท้ายเอะใจ เปิดฝากระโปรงรถอยู่ ตอนแรกก็ไม่เห็น แต่พอก้มไปดูชัดๆ ก็ชัดเต็มตาเลย ลูกแมว 4 ตัว มุดกันอยู่ในห้องเครื่องรถผม! ก็ไม่รู้ว่าแม่มันไปอยู่ใหน ผมพยายามจะล้วงเอาพวกมันออกมาทั้งๆที่เครื่องยังติดอยู่ แต่มันก็พยายามมุดหนีด้วยความกลัว สักพักนึกขึ้นได้เลยไปดับเครื่อง วุ่นวายอยู่กับพวกเขาอีกสักเกือบสิบนาทีได้ กว่าจะต้อนออกมาได้หมด วันนั้นก็เลยไปสายกันแต่ก็มีเรื่องให้จดจำว่าเกือบได้ขับรถกำลังขับเคลื่อน 4 แรงแมวแทนแรงม้าซะแล้ว คงจะหลอนน่าดู
อีกทีหนึ่ง ก็ลูกแมวเหมือนกัน แฟนผมไปซักผ้าหลังบ้าน อยู่ดีๆ ก็ตะโกนเรียกผมให้ไปดูอะไรบางอย่าง ผมก็จำใจต้องเดินออกไปด้วยความเกรงใจ พอผมไปถึงเครื่องซักผ้า เธอก็ชี้ให้ดูก้อนฟูๆ อะไรบางอย่างที่ข้างหลังเครื่องซักผ้า ปรากฎว่าเป็นลูกแมว 3 ตัวเห็นจะได้ อายุน่าจะไม่กี่วัน แม่มันมาแอบเลี้ยงลูกที่หลังบ้านผม ไอ้ตอนนั้นก็กลัวว่าเดี๋ยวซักผ้าแล้วเครื่องมันจะสั่นมากจะไปโดนพวกมันเข้า ก็เลยพยายามจะเอามันออกไป แต่ไม่ทันไร มีเสียงแป๊วดังขึ้นบนหัว คุณแม่แมวมาแล้ว ไอ้ผมก็เกรงๆแมวอยู่แล้วก็เลยเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงนั้น จะเดินหนีไปก็กลัวแมวตัวที่เรียกมาดูบ่น จะเอื้อมมือไปหยิบแมวตัวเล็กก็ทำท่าตะปบรออยู่เลย ส่วนตัวข้างบนก็ทำหลังโก่งรอจังหวะเต็มที่ เอาไงดีละทีนี้ สุดท้ายก็เลยเปิดเครื่องซักผ้าให้ทำงานซึ่งตอนแรกน่าจะยังสั่นไม่มาก แล้วผมกับแฟนก็เดินหนีไปอีกทาง คุณแม่แมวแม้จะกลัวเหมือนกันด้วยความรักลูก ก็ยังคงเฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปใหน เราเฝ้าดู มันก็เฝ้าระวัง ก็เลยเดินเข้าบ้านกันไปไม่ให้มันเห็นตัว สักพักมาแอบดู เห็นแม่แมวคาบลูกห้อยต่องแต่งหนีไปทีละตัว ทิ้งเราไปอย่างมีเชิงน่าดู
หลังจากนั้น ผมกับแฟนก็ย้ายออกไปจากบ้านที่สายไหมไปได้หลายปี พึ่งกลับมาอยู่ได้สักปีกว่าๆ นี้เอง บ้านเรือนแถวนี้ก็เปลี่ยนไปพอสมควร เจริญมากขึ้นเยอะ รถก็ติดกว่าเดิมแยะด้วย แต่สิ่งใหม่สิ่งหนึ่งที่เราคุ้นเคยก็คือตกดึกมักจะมีงิ้วแสดงให้ฟังกันเป็นประจำ นักแสดงก็ไม่ใช่ใครที่ใหน แก๊งน้องแมวในหมู่บ้านนั่นละ เขาจะมาร้องเงี๊ยว ง๊าว กันทุกคืน บางคืนเขม่นกันก็ฟัดกันซะกระเบื้องสะเทือน แต่เสียงแมวตัวใหนก็ไม่ติดหูเท่ากับเจ้าเหมียวที่ผมเรียกมันว่า ตุ๊ก ง่า หรือเหมียวง่า แต่แม่ผมจะเีรียกมันว่าไอ้ขี้เหร่ ทั้งๆที่มันเป็นตัวเมีย ที่แม่ผมเรียกว่าขี้เหร่ก็เพราะว่าวันแรกๆที่มันซมซานมาบ้านเรานั้น สภาพของมันก็เรียกได้ว่า ซกมกระยะสุดท้ายก่อนจะไปเป็นแมวขี้เรื้อน ขนแหว่งเป็นกระหย่อมๆ ตัวผอมกะหร่อง แม่ของผมนั้นตรงกันข้ามกับผมเลย เป็นคนรักแมวม๊ากกกกกก บางทีเกรงใจแมวมากกว่าลูกอีก อะไรประหยัดได้แม่ไม่เคยยอมหลุดแต่เพื่อแมวนี่เท่าไหร่เท่ากัน บางทีโดนมันตะปบแม่ก็ไม่เคยโกรธหรือกลัวเลย ในขณะที่เจ้าขี้เหร่ เป็นแมวจรจัดระดับพระกาฬอยู่กับที่บ้านผมจนวันสุดท้ายก็ยังไม่เคยมีใครได้จับตัวมัน
ส่วนที่ผมเรียกมันว่า เหมียวง่า ก็เพราะว่าแมวที่ผมเคยได้ยินมันร้อง นั้นอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามแต่ละตัว แต่ก็ไม่พ้น มิ๊ว แม๊ว เมี๊ยว หรือ ม๊าว แต่เจ้าตัวนี้ไม่เคยได้ยินเสียงโทนนั้นเลยสักครั้ง เวลามันจะร้อง มันจะร้องว่า ง่า ง่า อยู่ตลอด (ใครนึกไม่ออก ลองนึกถึงดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่ตอนที่น้าต๋อยเซมเบ้พากย์ แล้วมีอีกามาบินร้อง ง่า ง่า อ่าห้อยๆ ยังงั้นเลย) แค่นั่งฟังมันร้องก็ขำแล้ว แรกๆ มันก็นานๆ มาที แต่พอแม่ให้อาหารมันทุกวันๆ วันละเกือบ 10 เวลาตามแต่มันจะร้อง ร้องเมื่อไหร่แม่ก็ให้ตลอด จนมันจะมาประจำทุกวันที่บ้านเราทุกครั้งที่มันหิว จนก่อนที่แม่ผมจะกลับเบลเยี่ยม(แม่เป็นคนสองสัญชาติ หนีหนาวมาอยู่เมืองไทย หายหนาวก็ต้องกลับไปทำภารกิจ) มันก็อ้วนพี ขนสวยด้วยกินอาหารเม็ดบ้าง เปียกบ้าง ประจำทุกวัน กลายเป็นคนละตัวกับเจ้าขี้เหร่ในวันแรกที่เราเจอมันจนแทบจะเทียบกันไม่ได้ แม่สั่งกำชับผมแล้วกำชับผมอีก กระทั่งไปถึงแล้วก็โทรมาเช็คเป็นระยะ ว่ายังให้ข้าวเจ้าง่ามันอยู่หรือเปล่า ผมกับแฟนก็เลยมีหน้าที่ประจำที่ต้องซื้อข้าวมาและจัดการให้มันทุกวัน แถมเจ้าง่านี่ไม่รู้เสียนิสัย หรือมันเป็นแมวผู้ดีตกยากมาเป็นแมวจรจัดก็ไม่รู้ เรื่องมากเหมือนคุณหนูแมวไม่มีผิด ชามข้าวจะต้องสะอาด ถ้ามีมดขึ้น she จะไม่แตะข้าวเลย ชอบกินแต่อาหารเม็ด และเวลากลับบ้านช้า หรือยุ่งๆให้อาหารช้าไปหน่อย จะหงุดหงิด ร้องโวยวาย จากง่าสั้นๆ โทนกลางๆ ไปเป็นง่าแบบลากเสียงสูงๆ แถมมีสะบัดปลายเหมือนหงุดหงิดคนรับใช้สองคนที่ให้อาหารไม่ทันใจเธอ กับผมตัวใหญ่หน่อย มันก็ไม่ค่อยกล้าทำอะไร ได้แต่ร้องโวยวายไม่หยุด แต่กับแฟนผม มันจะเดินต้อนหน้าต้อนหลัง บางทีก็แกล้งเอาเท้ามาเหยียบเท้าแฟนผม แล้วสะบัดตูดหนี พอเราทำเป็นไม่สนใจมันก็จะอ้อมมาด้านหน้าแล้วทิ้งตัวอ้วนๆของมันแผละดักทางเราไว้ไม่ให้เดิน หรือถ้าวันใหนหงุดหงิดมากๆมา ก็อาจมีตะปบเบาๆเตือน ยิ่งช่วงหลังๆ ตอนที่เธอชุบตัวซะสวยแล้วแอบไปมีแฟนท้องป่องอ้วนปั๊กก็ยิ่งวุ่นวายหน้าดู ไปๆมาๆ มันก็อยู่กับบ้านผมได้ปีกว่าๆ แล้ว ผมกับแฟนก็เริ่มคุ้นกับทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน ต้องมีเงาตะคุ่มๆรออยู่หน้าบ้าน หรือตอนที่เราพึ่งตื่นนอนจากห้องบนชั้นสอง จะมีเสียงเตือนจากข้างล่าง ให้ลงไปทำหน้าที่ กับทุกเย็นทีเราเลิกงานกลับบ้านมา ไม่ว่าจะดึกแค่ใหน ก็มักจะมีเจ้าง่าตัวนี้ วิ่งจู๊ดมาจากที่ใหนก็ไม่รู้ มารอเราอยู่ที่หน้าบ้าน จนวัีนใหนที่อาหารแมวหมดแล้วเราลืมซื้อ ก็เป็นเดือดเป็นร้อนต้องไปหามาให้มันให้ได้ กลายเป็นเหมือนเพื่อนที่คุ้นเคยกัน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปซะแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่เคยยอมให้ใครจับตัวมันได้สักคนเดียว ยกเว้นแต่มันจะมาโดนตัวเราเอง
ผมเองก็แปลกใจตัวเองไม่น้อย ว่าผมก็ยังคงแหยงๆ แมวเหมือนเดิม ไม่ค่อยถูกโรคกับมันนัก แต่ถ้าวันใหนเจ้าง่าหนีไปเที่ยว ไม่ยอมมากินข้าว ผมก็รู้สึกเหงาๆ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง กังวลว่ามันจะเป็นอะไรหรือเปล่า จะไปโดนทำร้ายที่ใหนไหมนะ แต่สุดท้ายไม่กี่วันมันก็กลับมาหาเราจนได้ จนกระทั่ง…ครั้งนี้ สองอาทิตย์กว่าแล้วที่มันหายไป ไม่โผล่มาให้เห็นเลย ตอนแรกพวกเราก็พยายามคิดว่า มันคงแอบไปเลี้ยงลูกมันที่อื่น เพราะมันพึ่งจะคลอดชุดที่ 2 ไม่นานนี้เอง แต่วันแรกๆที่มันพึ่งคลอด มันก็ยังมาหาเราเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันหายไปจนผิดสังเกตุ แม่ผมก็คอยชะเง้อดูที่หน้าประตูเวลาได้ยินเสียงแมว แต่ก็ไม่ใช่มัน เป็นแมวตัวอื่นทุกที แฟนผมก็ใจไม่ค่อยดีแล้ว ส่วนผมก็ทำเป็นเฉยๆ บอกคนอื่นไปว่า เดี๋ยวมันก็คงมาเองละ ตอนนี้คงหนีไปเลี้ยงลูกอยู่ แต่ที่จริงข้างในก็วูบลึกๆ อยู่เหมือนกัน ใจมันหายเหมือนต้องสูญเสียสิ่งรักไป มันทำให้ผมได้คิดว่า นี่ขนาดเราไม่ค่อยชอบแมว และพึ่งคลุกคลีกับเราไม่กี่ปี เรายังรู้สึกขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นคนที่เรารักซึ่งใกล้ชิดเรามาไม่รู้กี่ปีบ้างละ เราจะเป็นอย่างไร มันจะเสียใจขนาดใหน เราจะเสียดายเวลาที่เคยมีแต่ไม่เคยทำดีกับเขาได้เหมือนตอนเวลาที่เสียเขาไปแล้วเอาแต่นึกถึงแค่ใหน ทำไมเราต้องรอให้เวลานั้นเกิดขึ้น ทำไมถึงไม่ทำดีกับทุกคนโดยไม่ต้องตั้งข้อแม้ตั้งแต่วันนี้ ทำไมต้องคิดพิจารณา วิเคราะห์ตัดสินคนอื่นก่อนที่จะเลือกว่าจะทำดี หรือไม่ทำดีกับเขากัน ทำไมไม่หยุดคิดแล้วทำในสิ่งที่ใจเราจริงๆนั้นอยากจะทำ ไม่ได้ทำไปด้วยอารมณ์ ด้วยความโกรธ ด้วยความกลัว ด้วยความหลง… ทำไมไม่คิดให้ได้ตั้งนานแล้ว ทุึกสิ่งมันไม่เที่ยง แม้แต่ใจเรามันยังไม่เที่ยง แ้ล้วเราจะเชื่อความคิดที่ไม่เที่ยงแล้วทำตามมันไปได้อย่างไร
“อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง
ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ก็เลยได้จดจำคำพูดหลวงพ่อ…”
พระอาจารย์ญาณธมฺโม พูดถึงคำสอนของหลวงพ่อชา
วัดป่ารัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ท้ายนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ เจ้าง่ามันจะโซเซกลับมาขอข้าวอีกไหม หรือเราอาจจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้ว แต่ผมก็ต้องขอโทษมันที่บางทีผมก็ขี้เกียจ แกล้งมันโดยการไม่สนใจ ปล่อยมันร้องไปจนเงียบเสียง หรือแกล้งเอาเชือกไปแหย่มันจนมันรำคาญ หรือบางครั้งก็ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง ไม่ไปหาอะไรมาให้ง่ากิน จนมันต้องนอนหมอบหิวโซไป ผมขอโทษนะเจ้าเพื่อนง่า แม้มันอาจจะสายไป
ด้วยบุญกุศลใดใด ที่ข้าพเจ้าเคยทำไว้ทุกๆชาติ ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ ขออุทิศให้แก่พ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายาย ญาติสนิทมิตรสหาย ศัตรูไพรพาล เจ้ากรรมนายเวร พรหมทุกชั้น เทวดาทุกๆชั้น สรรพสัตว์ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ได้สุขก็ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ
บันทึกนี้โพสต์เมื่อ วันที่ วันพุธ, 18 พฤศจิกายน 2009 เวลา 11:39 (เย็น) และจัดไว้ในหมวดหมู่ สิ้นคิด. ติดตามอ่านการแสดงความเห็นได้ที่ฟีดนี้ RSS 2.0. คุณสามารถจะ ฝากความคิดเห็นไว้, หรือ แทร็กย้อนหลัง จากเว็บไซต์ของคุณได้.
#2:: kasapop 19 พฤศจิกายน 2009 เวลา 8:47 (เย็น)
ขอบคุณมากครับ คุณ SILT ที่แวะมาเยี่ยมชมและแบ่งปันเรื่องราวให้ได้อมยิ้มเล็กๆ กับเจ้าแมวเสรี กระนั้นผมก็ยังคงต้องขอยืนยันว่า ผมยังคงแหยงๆ แมวอยู่เหมือนเดิม แต่วันนี้ผมกลับคิดถึงเจ้าง่ามากจริงๆ