ธุรกิจปั้นลูก

Mission Possible

ผู้เขียน : พงษ์ ผาวิจิตร
จัดทำโดย : บริษัท ดิ แอสไพเรอร์ส กรุ๊ป จำกัด
จำนวนหน้า : ๑๔๒ หน้า
ราคา : ๑๕๙ บาท
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐

เคยคิดไว้ว่าจะเขียนรวบรวมสิ่งที่ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สอน โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก เพราะก็นำแนวทางนั้นๆ มาใช้จนทุกวันนี้
แต่มาเจอหนังสือเล่มนี้ เลยคิดว่าคงไม่ต้องเขียนแล้วครับ ก็พูดเหมือนกันเลย คนสองคนนี่ช่างมีอะไรคล้ายกันมากจริงๆ

เล่มนี้ภรรยาซื้อมาโดยไม่ได้รู้จักชื่อผู้เขียน สำหรับผมเคยฟังคุณพงษ์บรรยายที่บริษัทมาแล้วครั้งหนึ่ง ความคิดนอกกรอบดี ลองอ่านดูตอนที่แกมาบรรยายที่บริษัท จดไว้ด้วย

เมื่อได้อ่านก็มีเคล็ดในการเลี้ยงลูกอยู่มากเหมือนกัน ที่คิดว่าจะเอามาใช้ เช่น
• การเข้าค่ายปิดเทอม ต้องต่างโรงเรียน จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง
• การสอนด้วยปากไม่ได้ผล ต้องทำให้ดู
• ต้องให้ลูกรู้ผลกรรม เช่น นอนดึกก็จะตื่นสาย แล้วโดนทำโทษที่โรงเรียน ปล่อยให้เด็กรู้เอง จะได้ไม่นอนดึก
• ต้องหมั่นแนะนำตอนดูทีวี
• ต้องทำให้นึกถึงคนอื่น อาจชวนไปทำงานสาธารณประโยชน์
• ต้องหมั่นตรวจสอบการบ้าน เพื่อนลูก เรื่องต่างๆ ของลูก
• ให้เรียนเสริมในสิ่งที่โรงเรียนไม่มี เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะเฉพาะด้าน
• เสริมที่โรงเรียนให้ความสำคัญไม่พอ เช่น ภาษา
• เสริมสร้างคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์-ภาษา อันจะเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตต่อไป
• ต้องสร้างแรงดลใจให้ลูกให้ได้ ดังนั้นเราต้องใส่สิ่งดีๆ ไว้ ต้องมีซักเรื่องแหละที่เป็นแรงดลใจเขาได้ บางครั้งต้องใช้ที่เรียนพิเศษช่วยเสริม
• พ่อแม่ต้องสมาคมกับพ่อแม่ท่านอื่นบ้าง เพื่อดูว่าเขาเรียนอะไรเสริมกันบ้าง สำหร้บผมให้ลูกนั่นแหละสอบถามว่าเพื่อนๆ เรียนที่ไหนบ้าง แล้วถามลูกว่าอยากเรียนอะไรบ้าง
• Internet และ หนังสือ ก็เป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญสำหรับลูก บ้านเล็กๆ ของผมมีห้องสมุดด้วยครับ เป็นห้องที่คนอยู่มากที่สุดเลย เป็นตำแหน่งมังกรของบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ยด้วย
• วิธีที่สอนได้ดีที่สุดคือ ทำให้ดู ครับ ดังนั้นอยากให้ลูกเป็นคนดี ต้องทำตัวดีๆ อย่างน้อยก็ต่อหน้าลูก
• มีกิจกรรมดีๆ ร่วมกันบ่อยๆ โดยเฉพาะที่ช่วยคนอื่น เรื่องจิตอาสา ซึ่งสำคัญมาก
• ข้อสังเกตในการดูหนัง ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น จะดูหนังดรามา แนวชีวิต เพื่อเอาไปคิดต่อ ส่วนประเทศกำลังพัฒนาจะเน้นดูหนัง Action ตลก ประมาณว่าเอาบรรเทิงอย่างเดียว

ถ้าเป็นสิ่งที่ ดร.วรภัทร์ สอน ที่จำมาใช้เสมอ คือ
• พ่อแม่ต้องมีธรรมะ อย่างน้อยก็ต่อหน้าลูก
• เวลาพาลูกไปวัดให้ตามใจ สนุกให้สุดๆ แต่เวลาไปห้างฯ ให้ดุ ลูกๆ จะได้ฝังใจชอบไปวัด
• เลี้ยงสัตว์บางครั้งไม่ต้องเลี้ยง ไปแอบชื่นชมบ้านเพื่อนสนิทเอาก็ได้ ที่บ้านผมลูกอยากเลี้ยงหมามานาน ยังไม่ได้เลี้ยงเลย ตอนนี้เลยได้เลี้ยงปลาเงินปลาทองแทน
• เวลาลูกโกรธ เราต้องไม่โกรธด้วย เอาเขามาทดสอบจิต ต้องไม่จิตเกิดตามเขา
• อย่าคิดว่าลูกเป็นเด็ก เขาเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก ดังนั้นเขารู้ทุกเรื่อง คุยกันได้ ปรึกษากันได้
• ต้องอ่านตำราเลี้ยงลูก เพราะเราไม่ได้เป็นพ่อแม่มาแต่กำเนิด ทีตีกอล์ฟ เล่นกีฬา ยังต้องหาตำรามาอ่าน ฝึกซ้อม ดังนั้นเลี้ยงลูกก็เหมือนกัน ต้องอ่านตำราและฝึกซ้อม
• ต้องดูอารมณ์ลูกด้วย ต้อง ให้ความรักก่อนให้ความรู้ เป็นแนวของ ครูสมพร คนสอนลิง (เป็นซีดี/หนังสือ ที่พ่อแม่ควรสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง)
• คิดว่าเราให้สิ่งที่ดีให้มากที่สุด ส่วนลูกของเราจะเป็นอย่างไร ดี/ไม่ดี เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
• ต้องทำตัวอายุเท่ากับลูก จะได้เข้าใจเขาอย่างจริงจัง
• อาจารย์วรภัทร์เป็นที่ปรึกษาของ KUMON ส่วนลูกผมเรียนแล้ว ไม่ชอบ ก็ไม่บังคับให้เรียน ทางเลือกการศึกษามีมากกว่าหนึ่งทางครับ
• เกม ก็มีข้อดี โดยเฉพาะเกม Simulation ต่างๆ พ่อแม่ต้องเลือกมาไว้ในบ้าน อย่ามองว่าเกมมีแต่ข้อเสียไปหมด
• หนัง ที่จะเอาเข้าบ้าน ต้องเปิดดูเองก่อน ถึงจะเอามาวางไว้ในบ้าน ข้อนี้ผมทำอย่างเคร่งครัดครับอาจารย์
• ลูกอาจารย์เรียนโรงเรียนแนววอลดอร์ฟ

ใครมีเคล็ดลับเลี้ยงลูกอะไร บอกกันบ้างนะครับ

มีความสุขทุกคนครับ

ทักทายกัน…ด้วยความสุข

ผู้เขียน : ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
สำนักพิมพ์ : DMG
จำนวนหน้า : ๑๕๑ หน้า
ราคา : ๑๒๐ บาท
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

หนังสือเล่มนี้ได้จากเวบแลกของที่ตอนนี้เริ่มเก็บเงินบำรุงเวบแล้ว www.coolswop.com แต่ก็ยังไม่ได้โอนเงินเลยจนป่านนี้
แลกมาเพราะชื่อคนเขียน ดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักธุรกิจแนวธรรมะที่โด่งดัง เรื่องราวดีๆ ของหนุ่มคนนี้มีให้อ่านเป็นระยะๆ ล่าสุดก็อ่านจากนิตยสาร Secret ทำให้ทราบเรื่องราวของเขามากขึ้น ประทับใจเรื่องที่ให้พระพี่นางฯ ทรงตรวจงานของเขาด้วย ปลื้มแทนครับ
ชอบมากๆ คือที่บริษัทของเขา ให้พนักงานลาไปปฏิบัติธรรมได้ เจ๋งจริง

หนังสือเล่มนี้รวมบทความในปี ๒๕๔๖ ดังนั้นเหตุการณ์ในเล่มที่นำมากล่าวถึงก็จะเป็นช่วงนั้น ไม่ว่าเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด (9/11) ที่เกิดในปี ๒๕๕๔ และมีการรำลึกครบรอบ ๑ ปี โดยผู้เขียนยกข้อเขียนของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต มาประกอบ โดยมุ่งหวังให้โลกนี้สันติสุข
ก่อนอื่นต้องทำตัวเราให้พบความสันติสุขก่อน ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่โกรธใคร ทำใจให้สงบไม่ว่าจะกระทบเรื่องใดๆ ฟังเหมือนยาก แต่เป็นไปได้ครับ ที่ต้องมีคือความพยายามและมุ่งมั่นที่จะทำครับ

พระที่คุณดนัยมักยกคำมากล่าวอ้างในเล่มนอกจากท่าน ป.อ.ปยุตฺโต แล้ว ก็จะมีท่านพุทธทาส แน่นอนหัวข้อที่ต้องกล่าวถึงคือ ความว่าง
เคยท่องคำสั้นๆ ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง คราวนี้ได้อ่านเต็มบทเลย
จงทำงาน ทุกชนิด ด้วยจิตว่าง
ยกผลงาน ให้ความว่าง ทุกอย่างสิ้น
กินอาหาร ของความว่าง อย่างพระกิน
ตายเสร็จสิ้น แล้วในตัว แต่หัวที
ท่านผู้ใด ว่างได้ ดังว่ามา
ไม่มีท่า ทุกข์ทน หม่นหมองศรี
ศิลปะ ในชีวิต ชนิดนี้
เป็น”เคล็ด”ใครคิดได้ สบายเอยฯ

จิตว่างที่ว่านี้คือว่างจาก ตัวกู-ของกู นั่นคือละความเห็นแก่ตัว ทำงานเพื่อให้เนื้องานออกมา โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนจากงานนั้นๆ เช่น คำชม, เงินรางวัล เป็นต้น ส่วนเรื่องพวกนั้นจะตามมาเอง ไม่ต้องคาดหวัง
เมื่อมีความว่างเราก็สามารถใส่สิ่งดีๆ ลงไปในจิตใจได้อีก เพราะของที่รกๆ หรือกิเลสในจิตใจได้หายไปแล้ว
หัวใจของคำสอนของท่านพุทธทาสจะวนๆ อยู่แถวนี้แหละครับ
โดยทั้งหมดต้องอาศัยสติในทุกๆ การกระทำ พินิจพิจารณาให้รอบคอบก่อนทำอะไร จริงๆ ใน 7-Habits อุปนิสัยแรก Be Proactive ก็เป็นแนวนี้ ให้มีสติก่อนตอบสนองสิ่งเร้าที่เข้ามา เราจัดการในสิ่งที่จะตอบสนองได้ อย่าตอบสนองอะไรโดยอัตโนมัติ โดยมิได้ตรึกตรอง อาจเกิดผลเสีย และเรานี่แหละต้องรับผลกรรมนั้นๆ
แถมอีกสามข้อ (สองข้อแรกจาก ดร.อาจอง) เพื่อประกอบการพิจารณา ถามตัวเองว่า สิ่งที่คิด หรือจะทำนั้น
• ดีต่อผู้อื่นไหม?
• ดีต่อตัวเองไหม?
• ดีต่อโลกใบนี้ไหม?
หากตอบว่าใช่ทั้งหมด ทำได้เลยครับ
อาจทำให้ช้าลงบ้าง แต่ไม่ดีกว่าหรือถ้าตอบสนองช้า แต่ล้วนเป็นสิ่งดีๆ จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขภายหลัง

ในเล่มพูดถึงแฮปปี้คิดส์ สถานที่ฝึกธรรมะให้เด็กๆ ก่อตั้งโดยคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง และ คุณชยาทร เตชะไพบูลย์ แฮปปี้คิดส์ เพรสซิเด้นท์พาร์คคอมเพล็กซ์ สุขุมวิท ๒๔ เบอร์โทรศัพท์ ๐๒-๖๖๑ -๐๑๓๑
ตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่ นิทานธรรมบันเทิง
น่าสนใจเข้าไปสัมผัสมาก
ลูกเราได้ไปเข้าค่ายยุวพุทธปีนี้ด้วย ดีใจมากเลย

มีหลักการสร้างสุข ๒๔ ข้อ จาก Reader Digest คือ
1. เปลี่ยนความคิด ทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ดังนั้นต้องทำหลายๆ อย่างเดี๋ยวนี้
2. บันทึกสิ่งดีๆ เป็นหนทางของอัจฉริยะทุกคน
3. มองสิ่งต่างๆ ทุกแง่มุม และให้คิดว่า คุณอยากให้คนรุ่นหลังจำคุณว่าอย่างไร
4. อย่าปล่อยให้สิ่งเล็กน้อยรบกวนจิตใจ
5. ทำในสิ่งที่คุณคิดว่ายาก ฝืนใจ หรือสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะ การได้เจอ ได้ทำในสิ่งที่ไม่พอใจ เป็นครูที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาตนเอง
6. เปลี่ยนตารางชีวิตประจำวันบ้าง
7. อย่าพยายามเปรียบเทียบกับคนอื่น
8. ทำความสะอาดบ้านหรือที่ทำงาน
9. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ
10. ตระหนักตลอดเวลาที่จะรักคู่ของตน
11. ควรเกรงใจคู่ชีวิตให้มากๆ
12. บอกคู่รัก ครอบครัว และเพื่อนของคุณว่าคุณรักพวกเขา
13. เป็นเพื่อนคู่คิดให้กับเพื่อนที่มีปัญหา
14. โทรศัพท์ ส่ง E-Mail ถึงเพื่อนเก่าที่ขาดการติดต่อ
15. กระตุ้นชีวิตด้วยธรรมชาติ
16. เที่ยวทะเล
17. สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
18. หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์
19. เดินเล่น
20. เช่าวีดีโอตลกมาดู
21. ย้ายเฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนห้อง
22. พยายามหาอะไรทำ
23. ยิ้ม
24. ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง
ลองเลือกไปใช้กันนะครับ

สรุปว่าอ่านเล่มนี้มีเรื่องราวดีๆ เหมาะแก่การอ่านและขบคิดตามครับ

มีความสุขทุกคนครับ

เมื่อฝรั่งมาทำนา ที่บ้านคำปลาหลาย

ได้ไปที่นี่เมื่อ เมษายน ๒๕๕๐

เดินทางจากโรงงานแวะนมัสการหลวงพ่อโตที่สีคิ้ว ทานราดหน้าสุดอร่อยแล้ว ๑๐.๐๐ น. เดินทางต่อไปขอนแก่น

แวะทานอาหารเที่ยงที่อำเภอพล จากนั้นเดินทางไปหมู่บ้านของฝรั่งทำนา คุณมาร์ติน วีเลอร์ ซึ่งเขาเป็นนักภาษาศาสตร์ แต่มาใช้ชีวิตชาวนาที่อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

วันนี้จะได้รู้ว่าทำไม

มีอุปสรรคอย่างไรบ้าง แนวคิดเขามีอะไรบ้าง มีคำแนะนำในการใช้ชีวิตอย่างไร

ถึงศูนย์เรียนรู้บ้านคำปลาหลายประมาณ ๑๕.๐๐ น. ซื้อผ้าพันคอไป ๕๐ บาท และพิมเสนน้ำ ๒๐ บาท

ผู้ใหญ่บ้านถาวร มาบอกสรรพคุณของท่าน ที่มีรางวัลมากมาย

บ้านคำปลาหลายเคยยากจนที่สุดของ อำเภออุบลรัตน์ เมื่อก่อนปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น อ้อย, มันสำปะหลัง ดังนั้นหนึ่งปีมีรายได้ครั้งเดียว ก็เลยอพยพแรงงาน ทิ้งลูกหลานกับคนแก่ ขาดสารอาหาร

๒๕๓๗ พลิกแนวคิด ลดพืชเชิงเดี่ยว ทำเกษตรผสมผสาน มีบ่อ และ พืชต่างๆ ในแต่ละบ้าน เริ่ม ๑๐ ครัวเรือน จน ๒๕๔๓ ครบทุกครัวเรือน มีกลุ่มต่างๆ เช่นกลุ่มเลี้ยงวัว, กลุ่มแม่บ้าน, กลุ่มร้านค้าชุมชน, กลุ่มเด็กรักถิ่น ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ โดยแทรกเข้ากลุ่มต่างๆ, กลุ่ม อสม. ที่ดูแลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เช่น ไข้เลือดออก, กลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้าน

ตอนนี้ทำปุ๋ยใช้เอง เช่น ปุ๋ยอัดเม็ด

คุณพ่อแสวง มาเล่าเรื่องร้านค้าสหกรณ์ชุมชน ซึ่งตอนแรกของบประมาณ แต่ไม่ได้ เพราะหมู่บ้านเล็ก เลยรวบรวมกันได้ ๔,๐๐๐ บาท โดยทุกคนมีส่วนร่วม ทำให้อยู่ได้ ปัจจุบันมีเงินทุนประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้มีบ่อประมาณ ๙๐ บ่อ

จุดสำคัญคือผู้นำของชุมชน ต้องลงมาช่วยกันคิดกับชาวบ้าน

เมื่อทำโครงการเกษตรผสมผสาน ชุมชน ๗๐ ครัวเรือน ทำทุกบ้าน

หากเราไม่ร่วมคิด บ้านเมืองจะไม่รอด เพราะสื่อมันเร็ว พ่อแม่กู้เงินมาส่งลูกเรียน

คุณมาร์ติน วีเลอร์ มาจากประเทศอังกกฤษ อายุ ๔๕ ปี อยู่หมู่บ้านนี้ ๖ ปี เมืองไทย ๑๔ ปี เมียหนึ่ง ลูกสาม ที่นี่ชีวิตดีมาก ประเทศอังกฤษ ๔๐% ไม่มีบ้าน ต้องเช่าบ้านตลอดชีวิต คอนโดที่โน่นให้สำหรับคนจน หากทำงานบริษัทเมื่อกู้เงินมาสร้างบ้าน ๒๕ ปีจึงจะปลดหนี้บ้านได้ ผมว่าไม่ต่างับบ้านเรา

ภาษีประเทศอังกฤษ ๔๐% เพื่อให้รัฐบาลมีเลี้ยงตอนแก่ คนแก่ที่อังกฤษตายปีละสองหมื่นคน ภาษีโทรทํศน์หมื่นบาทต่อปี ช่วย BBC, ภาษีมูลค่าเพิ่ม ๑๗%

เมืองไทยมีของกินมาก มีคุณภาพ หากินได้ทั่วไป ผิดกับที่ประเทศอังกฤษ

ที่นี่มีที่ดินให้ทำกิน แสดงว่าไม่อดตาย

อุตสาหกรรมอยู่ไม่นาน มันจะทำลายทุกอย่างแล้วก็ไป ที่ไหนค่าแรงถูก มีทรัพยากรมาก ก็ลงอุตสาหกรรมได้

คนตกงานในอังกฤษสี่ล้านสี่แสนคน

ที่ดินไม่ได้ไปไหน เกษตรกรรมนี่แหละมั่นคง

ที่นี่เป็นที่เรียนรู้ที่ดีที่สุด เขาเรียน ม.เคมบริดส์ ใช้อริยสัจสี่ในการแก้ปัญหา เอาปัญหามาเรียง

๑๕ ปีที่แล้ว แม่เสียชีวิต ได้มรดกเลยออกเที่ยว เริ่มจากไทย แล้วจะไปอยู่ออสเตรเลีย แต่สองเดือนในไทยเงินหมด เหลือห้าร้อยบาท เลยไปซื้อเนคไทร์ รองเท้าหนัง กระเป๋า แล้วสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษาได้แบบง่ายดาย

จนพบแฟนคนนี้ เขาพามาบ้านนอกที่จังหวัดขอนแก่น ชอบมาก พักเที่ยงสามชั่วโมง ที่อังกฤษเขาแบกปูน พักเที่ยงสี่สิบห้านาที

เขาบอกว่ากรุงเทพฯ ปัจจุบันเหมือนอังกฤษ

บ้านนอกคุยกันรู้เรื่อง อังกฤษอาชญากรรมเยอะมาก

อยู่ใกล้เขื่อนแต่ไม่ได้ใช้น้ำจากเขื่อนเลย

คนต่างประเทศมาจะอิจฉา มาร์ติน ญาติเขามาแล้วเห็นพระอาทิตย์ตกดิน ร้องอิจฉามาร์ตินทันที

คนแก่อังกฤษตายคนเดียว

คนอังกฤษ ๙๙.๕% อยู่ในเมือง คนรวยในอังกฤษออกมาซื้อที่ดินทำการเกษตร

อนาคตสงครามอาหารจะมีขึ้น หากชาวบ้านไม่มีอิสระในการผลิตอาหาร จะลำบาก

คนไทยเข้าใจว่าฝรั่งร่ำรวย เป็นเรื่องของสื่อที่ไม่ค่อยครบ

ถ้าเราข้อมูลไม่ครบ การตัดสินใจจะผิดพลาด

การแก้ปัญหา ต้องประเมินด้วย ใช้อริยสัจสี่

การศึกษาไม่สอนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ การลำดับความสำคัญ

คำถาม

เมื่อปี ๒๕๓๗ คิดได้อย่างไร?

ค้นพบว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวเรา เลยรวมกลุ่ม เขียนโครงการ และยื่นขอการสนับสนุน

มูลนิธิศุภนิมิต แห่งประเทศไทย สนับสนุนให้ไปดูงาน แต่ก็ไม่เหมือน สรุปว่าทำการเกษตรแบบผสมผสาน

การให้งบก็ไม่ง่ายต้องมีการตรวจสอบ

มูลเหตุจูงใจในการรวมกลุ่ม?

คุณพ่อแสวงบอกว่าใช้ช่วงที่ชาวบ้านกลับมาทำนา ชักชวนให้เข้ากลุ่มเพื่อทำโครงการเกษตรผสมผสาน

ผู้ใหญ่ถาวร

บ้านคำปลาหลายไม่มีหนี้

ตอนแรกอยู่ในป่าสงวน แล้วเป็นนิคมสร้างตนเอง

ตอนนี้ลูกหลานที่ทำงานต่างถิ่นกลับมาหมดแล้ว เพราะเห็นหมู่บ้านสมบูรณ์

ทำไมไม่ใช้จากน้ำเขื่อนอุบลรัตน์?

ไม่พอหรอกครับ

พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สูง น้ำต้องอาศัยเทวดา

รายได้หลักมาจากการเลี้ยงวัวเนื้อ รายได้เสริมมาจากการเกษตรแบบผสมผสาน

อยากได้ระบบชลประทาน ให้น้ำพอ

เป้าหมายของขุมชน

สร้างเครือข่ายในระดับชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน

ปี ๒๕๕๒ จะครบ ๗๐ หมู่บ้านในอำเภออุบลรัตน์

ผู้ใหญ่ถาวรบอกว่าจุดอ่อนของหมู่บ้านคือภัยแล้งซ้ำซาก มีบ่อน้ำบาดาล ๕๐-๖๐ เมตร

คุณมาร์ตินบอกว่าค่านิยมของสังคม และ ปัญหาจากสังคมภายนอกก็น่ากลัว การศึกษาก็ไม่แข็งแรง คุณครูก็ความสามารถมากนัก ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไม่ให้เรียน อย่างน้อยลูกก็ไม่ไปไหน

แนวคิดเรื่องซีพี จีเอ็มพี เราไม่ต้องสนใจ เราดูของเราให้สะอาดก็พอ (คุณมาร์ติน)

ชาวบ้านมีความสามารถในการกรองข้อมูลมากขึ้น

คุณมาร์ตินบอกว่าสิ่งสำคัญของความสำเร็จคือ ผู้นำ, คุณภาพของชาวบ้าน และ กระบวนการเรียนรู้

คุณมาร์ตินบอกว่า ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นรก จึงให้ลูกอยู่ที่นี่ในสภาพนี้ก็ได้

คุณมาร์ตินบอกว่า ลูกเขาเป็นรุ่นแรกที่เลือกทางเดินชีวิตได้ ถ้าเรียนไหวก็ไป ไม่ไหวมาทำการเกษตร

คุณมาร์ตินนับถือศาสนาอะไรครับ?

เขาบอกว่าเขาไม่มีศาสนา แต่ดูเข้าใจหลักพุทธศาสนา และ เขาบอกว่าให้นำแนวคิดศาสนาพุทธมาปฎิบัติจะดีกว่าบอกว่านับถือศาสนาอะไรซึ่งเหล่านั้นเป็นทฤษฎี

ลูกชายคนโตชื่อเอริค (คันโตนา) แบบว่าเด็กผี

จุดเด่นของหมู่บ้านนี้

๑. ผู้นำ

๒. ผู้ชี้นำ

๓. การมองโลกในแง่ดี เช่น มีคนมาขโมยของ ผู้ใหญ่ถาวรก็บอกว่าที่เขาขโมย เพราะเขาไม่มี

ทุกคนใช้ทักษะในการถามจาก Story Telling ที่ฝึกมา

ในตอนรวบยอดก็เป็นทักษะในการย่อและย่อยข้อมูลต่างๆ

ทิศทางของหมู่บ้าน ก็เหมือนทิศทางของบริษัท ที่ต้องการ Ownership เยอะๆ ที่ต้องผ่านพัฒนาการ

แรกๆ ผู้นำมาก่อน

ต่อมาเปิดเวที

สุดท้ายต้องการการเป็นเจ้าของ ทุกคนเป็นผู้นำ

ทุกอย่างจะยั่งยืน เราต้องลงมือปฏิบัติ แล้วเราจะไม่ลืม

หมู่บ้านควายไทย

๒๓ ก.ค. ๕๒ มาหมู่บ้านควายไทย สุพรรณบุรี

เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อตอนปิดเทอม

ครั้งนี้เป็นกิจกรรมกับที่ทำงาน สามัคคีวิถีไทย เป็นชื่อตอนของ Synergy Workshop ที่จัดมาเป็นปีที่ ๖ แล้ว
มีดำนาด้วย

ช่วงฟังบรรยายตอนการแสดงควาย จดเกร็ดความรู้มาได้ดังนี้
ควายมี ๓ ประเภท ตามลักษณะของเขา คือ
๑. ควายเขากรอ
๒. ควายเขากาง แบบสัญลักษณ์ของวงคาราบาว
๓. ควายทุย เขาจะกุด มักจะทำงานไม่ไหว
ควายชนิดพิเศษคือ ควายเผือก, ควายแคระ

ปัจจุบันมีควายในประเทศไทย ๑.๖ ล้านตัว
มี ๒ สายพันธุ์ คือ ควายปลัก และ ควายน้ำ ในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นควายปลัก
ควายมีอายุเฉลี่ย ๒๕ ปี
ควายมีฟัน ๓๒ ซี่ มี ๔ กระเพาะ
ส่วนใหญ่ควายจะถนัดซ้าย

มีรูปการแสดงมาให้ชมด้วย

ครั้งนี้ได้นอนที่หมู่บ้านควายด้วย ครั้งที่แล้วจองมาแต่ไม่ได้นอนเพราะมีครอบครัวเดียว เลยไปนอนที่โรงแรมในเมืองแทน
ก็พอนอนได้นะ


๒๔ ก.ค. ๕๒
เช้าๆ ตื่นมาใส่บาตรได้บรรยากาศดี
พระที่นี่ใช้รถเข็นช่วย แบบนี้ครับ

แสดงว่าคนที่นี่ใส่บาตรกันเยอะ

เลยขอหลวงพี่ช่วยเข็น ท่านบอกว่าไม่ได้เพราะถือว่ารับประเคนแล้ว เลยเดินสนทนากับหลวงพี่ไปจนถึงวัดเถรพลาย หลวงพี่บอกว่าวัดนี้โบสถ์สวยที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี เลยถ่ายภาพเก็บไว้หน่อย

วัดนี้ติดแม่น้ำ เช้าๆ บรรยากาศดี

เดินกลับมาหมู่บ้านควาย ถ่ายภาพท้องทุ่งเขียวขจีไว้เป็นที่ระลึกหนึ่งภาพ

อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันนะครับ สุพรรณบุรีนี่เอง

The Wrestler ยอดเยี่ยมครับเรื่องนี้

กำกับ : Darren Aronofsky
นำแสดง : Mickey Rourke, Marisa Tomei, Evan Rachel Wood
ความยาว : ๑๑๑ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐

วันแม่ไม่ได้ไปไหน จัดห้องที่พัก และรื้อหนังที่ซื้อเก็บไว้มาดู
แผ่นนี้ซื้อมาเพราะดารานำฝ่ายชายได้ลูกโลกทองคำ ส่วน Oscar แพ้ Sean Penn จากเรื่อง Milk ไป
แต่เมื่อได้ชมจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะดาราชายครับที่ถูกใจ ดาราหญิง Marisa Tomei ก็ชอบ เหมือนได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอหน้ามานานเลยครับ เคยได้ชมเธอเล่นนานมาแล้ว จากหนังน่ารักเรื่อง Untamed Heart หัวใจไม่เชื่อง จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่จำชื่อเธอได้ ชื่อคล้ายไทยปนญี่ปุ่นดีครับ
ในเรื่องนี้แม้จะอายุมากขึ้น แต่เธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย

ดาราชายหายห่วง เล่นดีสมราคา ไม่ค่อยได้ดูผลงานของ Mickey Rourke มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นดาราในแถวหน้าคนหนึ่งเลย
ตีบทแตก เล่นได้เป็นนักมวยปล้ำจริงๆ เลยครับ

บทไม่แปลกใหม่ ค่อยเป็นค่อยไป ปูเรื่องมาเรื่อยๆ จนมีจุดพีคพลิกผันและตัดสินใจ
สิ่งที่ทำให้ชอบมากนอกจากการแสดงของนักแสดงแล้ว มี ๒ ประเด็น คือ

เพลงประกอบยุค ๘๐ พวก Gun and Roses แค่เพลงแรกที่เปิดในรถพระเอก Don’t know what you got (till it gone) เพลงสุดโปรดของผม ความหมายดีมาก และ เพราะมากครับเพลงนี้ เป็นของวง Cinderella แค่นี้ก็เทคะแนนให้แล้วครับ เท่านั้นยังไม่พอ เพลงร็อคยุค ๘๐ ก็มาเป็นระยะๆ แถมเอาประเด็นเพลงยุคนี้มาคุยกับนางเอกของเราจนออกรสเสียอีก ชอบครับ

อีกประเด็นที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะชอบดูมวยปล้ำครับ ตั้งแต่ยุคแรกเลย ตอนแรกที่เค้าบอกว่าเป็นการแสดง ยังเถียงคอเป็นเอ็นเลย แต่ตอนหลังก็เริ่มยอมรับ มาดูในเรื่องนี้ แม้จะเป็นการแสดง แต่นักปล้ำของเราก็เจ็บตัวมากทีเดียว ชอบบรรยากาศหลังลงจากเวที มาในห้องพักนักกีฬา เป็นกันเอง เป็นทีม มีมิตรภาพดีมากเลยครับ วิญญานของพวกนักมวยปล้ำคือทำให้คนดูสนุกมากที่สุด แสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพมาก

แล้วเมื่อร่างกายต้องกระทบกระเทือนมาต่อเนื่อง ยาวนาน ก็ไม่ไหว จนต้องใช้ยาช่วยในการกระตุ้นในบางครั้ง
พระเอกของเราปล้ำมา ๒๐ ปีเข้าไปแล้ว ร่างกายจะไม่กรอบได้ไงครับ

เห็นฉากที่พระเอกพกใบมีดโกนเพื่อกรีดหน้าผากตัวเองให้เลือดออก อึ้งเลยครับ ทั้งนี้เพื่อความสุขของผู้ชม นักมวยปล้ำมืออาชีพทำได้

พระเอกจำต้องอำลาจากวงการเนื่องจากร่างกายไม่ไหว หัวใจล้มเหลว และได้รับการผ่าตัดหัวใจ
ในงานใหม่ที่ได้ทำก็พยายามเอ็นเตอร์เทนให้คนอื่นมีความสุขเช่นกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องหวนกลับสู่เวที เพราะนี่คือ “โลกของผม” พระเอกว่างั้น

หนังจบได้ดีมาก ชอบฉากจบที่สุดเลย

ทุกคนต่างต้องการพื้นที่ๆ จะยืนอยู่บนโลกนี้ทั้งนั้น แม้จะอยู่ในที่ๆ ต่างกัน แต่คุณค่าของคนเราล้วนเท่าเทียม เมื่อเป็นนักมวยปล้ำ ก็ทำให้ดี ให้คนดูมีความสุข มันที่สุด ให้ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ดูแล้ว

แต่คนเราก็หาได้มีหน้าที่เดียวบนโลกนี้ไม่ ดังนั้นเราต้อง Balance ให้ดี
มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนพระเอก ที่สอบตกในการเป็นพ่อโดยสิ้นเชิง จะมีประโยชน์อะไรคร้บ ถ้าดีต่อคนทั้งโลก แต่คนใกล้ตัวเราต้องเหงา และไร้ความสุข

หนังไม่ได้บีบคั้น หรือตัดสินใดๆ แค่แสดงให้เห็นในบทบาทของตัวละครตัวนี้บนโลก The Wrestler

หนังดี น่าดูมากครับ

มีความสุขกับทุกๆ บทบาทที่คุณเล่นอยู่บนโลกนี้นะครับ เพราะทุกบทบาทสำคัญต่อโลกนี้เสมอ เล่นให้เต็มที่ครับ

ปล.หนังเรื่องนี้ได้อันดับ ๑๑๐ ของ Top250 ใน IMDb และ
Rottentomatoes ให้ ๙๘% สูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย รองๆ ลงมาคือเรื่อง Once ที่ได้ ๙๗%

Cape No.7 หลายชีวิตจากไต้หวัน

กำกับ : เว่ยเต๋อเซิ่ง
นำแสดง : แวน ฟ่าน, ชิเอะ ทานากะ, โคสุเกะ อาตาริ, หม่าจู่หลง
ความยาว :๑๓๗ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

เป็นหนังไต้หวันที่มีสรรพคุณมากมาย กวาดรางวัลม้าทองคำ ๕ ตัว รายได้แซงหน้าหนังฝรั่งที่เข้าในช่วงเดียวกันในไต้หวัน

ในสีสันครบรอบยี่สิบปี คุณสิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ ก็เขียนถึงเรื่องนี้เหมือนกัน จั่วหัวว่า รักบ้านเกิด ตอนแรกก็นึกชื่อนี้ไว้เหมือนกันนะ

แต่ก็นึกถึงแนวที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ หลายชีวิต ที่ตัวละครมีหลายตัว แต่ร้อยเรียงเชื่อมโยงกันได้ด้วยจุดร่วมอย่างหนึ่ง จึงมาเจอกัน ได้เรียนรู้กัน จนมาถึงจุดหมาย
หนังแนวนี้ผมว่าทำยากนะ บทต้องดี ตัดเรื่องไปมาต้องเฉียบ ไม่งั้นงง และอาจทำให้เนื้อเรื่องไม่โดนก็ได้
แต่ถ้าทำดี โดนแรงเลยครับ
หนังเรื่องนี้ผ่านครับ คะแนนตอนออกจากโรงฯ ต่ำกว่านี้ แต่ยิ่งคิดทบทวนยิ่งชอบ และชื่นชมผู้กำกับที่คุมเรื่องได้ดีมาก
เสียนิดเดียว ไม่มีน้ำตา หากเรียกน้ำตาได้สงสัยคะแนนจะเต็ม

แต่ฉากอังกอร์วงเปิดนี่ก็อึ้งนะครับ ไม่เคยเจอ ได้ใจมากฉากนี้

ฉากที่นักร้องญี่ปุ่นขึ้นมาร้องเพลงด้วยก็ชอบ งดงามดีครับ

ลึกๆ อยากให้คุณลุงไปรษณีย์มีบทบาทดึงอารมณ์มากกว่านี้

ชอบนักคีย์บอร์ด น่ารัก กวนดี โดนพระเจ้าถีบออกจากโบสถ์ แต่ตอนท้ายก่อนขี้นเวทีก็ไปขอกำลังใจจากพระเจ้าอยู่ดี

ชอบตอนแต่ละคนไปขอกำลังใจจากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของแต่ละคน

ชอบฉากที่ทุกคนไปส่งจดหมายแทนพระเอก เพื่อให้พระเอกแต่งเพลง

ชอบที่คุณลุงไปรษณีย์สอนจิตวิญญานของไปรษณีย์ ดีจังครับ

ไม่ชอบตอนพระเอกกับนางเอกลงเอยกัน รู้สึกว่าง่ายไป เหตุผลไม่เพียงพอ

อยากให้ดึงตอนเปิดจดหมายของโทโมโกะอีกนิด อยากร้องไห้ง่ะ

เพลงประกอบก็ไพเราะ บทเจ๋ง ภาพสวยโดยเฉพาะที่ Cape ครับ

เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องของหลายชีวิตที่เกิดขึ้นที่นี่ Cape No.7 (ผมเข้าใจไปเองนะครับ ในสีสันบอกว่าจดหมายมี ๗ ฉบับ)
เปิดเรื่องด้วยการร่ำลาเมืองใหญ่ของพระเอก กลับสู่ Cape No.7
กลับมาทำงานเป็นบุรุษไปรษณีย์ เนื่องจากคนเดิมขาหัก และอายุมากแล้ว แต่พระเอกก็เบี้ยวไม่ยอมส่งจดหมายให้ถึงมือผู้รับ

เรื่องราวต่างๆ เชื่อมโยงกับจดหมายจากญี่ปุ่น ส่งถึงคุณโทโมโกะ แต่เธอเปลี่ยนที่อยู่ไปแล้ว แต่เมื่อจะตีคืน พระเอกดันมาแอบอ่าน เลยทำให้เจอรักแท้ที่เนิ่นนาน งดงาม คงทน

อีกเรื่องที่นำมาเชื่อมโยงคือ วงดนตรีท้องถิ่น ที่ต้องมาเป็นวงเปิดให้กับนักร้องญี่ปุ่น เพราะท่าน ส.ท.ห่วงคะแนนเสีียงในการเลือกตั้งคราวหน้่า

ต้องยอมรับการเชื่อมโยงสองเรื่องเข้าด้วยกัน กับตัวละครหลายตัว ปกติไม่ค่อยเห็น มักใช้เรื่องเดียวเชื่อมโยง หนังเรื่องนี้จึงดูพิเศษ และคุมโทนเรื่องได้ เจ๋งจริง

โดยรวมเป็นหนังที่ดีมาก คุ้มค่าต่อการชมเป็นอย่างยิ่ง

Link ที่เกี่ยวข้อง : หนังแนวหลายชีวิตเรื่องอื่นๆ

ปล.ขอบคุณเจ๋ง (เพื่อนสมัยมอปลาย) ที่มาดูหนังด้วย กลัวเหมือนกันจะทำให้เพื่อนลำบากเพราะดูไม่รู้เรื่อง เคยเป็นมาแล้วตอนชวนตู่ (เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย) ดู Gomorra มึนหัวกันทั้งคู่เลย แต่ได้ยินเจ๋งบอกว่า “หนังเมื่อวานดีนะ” ค่อยโล่งอก ไว้ดูกันใหม่นะครับ

ความจำสั้น แต่รักฉันยาว : หนังไทยที่เขาว่าดี

กำกับ : ยงยุทธ ทองกองทุน
นำแสดง : อารักษ์ อมรศุภศิริ, ญารินดา บุญนาค
ความยาว : ๑๑๘ นาที
ระดับความชอบ : ๗.๕/๑๐

หนังเรื่องนี้มีคนพูดถึง ๒ ราย คือน้องที่ทำงาน และ บทวิจารณ์ในนิตยสารสีสัน ทั้งสองเสียงออกมาในทางชื่นชม
ทำให้เกิดความคาดหวังเมื่อจะดู

หนังทำออกมาใช้ได้ แต่มีความรู้สึกไม่ค่อยพีค ไม่ค่อยเนียน ออกจะสับสนระหว่างตัวเอกทั้งสองคู่ ตกลงใครเด่นกว่าใคร หรือหนังจะบอกอะไร

ชอบประเด็นที่นางเอกเป็นคนรักสัตว์ แล้วเป็นแรงบันดาลใจให้พระเอกเลือกเรียนสัตวแพทย์ มักจะรู้สึกดีกับความรักที่กลายเป็นแรงผลักในด้านดีแบบนี้ครับ เคยรู้สึกแบบนี้ในการ์ตูนเรื่อง Whisper of the heart ชอบครับ

ส่วนเนื้อเรื่องในเรื่องนี้ที่พยายามผูกกันหลายเรื่อง ทั้งความจำที่กำลังจะเสื่อม ก็ไม่รู้ว่าความรักจะยาวจริงหรือเปล่า หนังไม่ได้แสดงให้ชัด ดูเหมือนความจำยังอยู่จนจบเรื่องนะ

หลายประสบการณ์ในชีวิตทำให้เราเกิดความประทับใจได้ อย่างในเรื่องนี้ก็เริ่มจากพระเอกเมาแล้วขับจนโดนจับมาบำเพ็ญประโยชน์ จึงมาเจอเรื่องราวความรักของผู้สูงวัย ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ ไป
แต่เมาแล้วขับนี่ ไม่ต้องจำไปใช้นะครับ เป็นสิ่งที่แย่มากเท่าที่โลกนี้เคยมีอยู่
เมาแล้วนอน กลับ Taxi ดีกว่าครับ

ต้นไม้ สวน ก็ร่มรื่นดี อยากมีสวนง่ะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับหนังเท่าไหร่ แค่ความอยากเป็นการส่วนตัว

ประเด็นที่เอาต้นไม้มาสอนใจและสร้างแรงฮึดก็ดี แล้วนำพาต่อมาสร้างความประทับใจตอนท้ายเรื่องก็ทำออกมาได้ดี ดูแลไว้เถอะครับคนแก่ เพราะไม่มีพวกเขาก็ไม่มีเรา อีกอย่างเขาอยู่ให้เราดูแลไม่นานแล้ว ไม่ต้องรอให้ทำศพยิ่งใหญ่ ไม่มีประโยชน์ครับ ดูเรื่อง Departures ดูครับ อย่ารอจนมาแต่งศพให้สวยนะครับ ว่าแล้วก็โทร.หาแม่ดีกว่า

สรุปว่าไม่โดนโดยส่วนตัว สงสัยคาดหวังมากไป แต่ยังไงก็รักหนังไทยนะ

ลองดูลิสต์รายชื่อหนังไทยที่ชอบมากๆ ของผมดูนะครับ
๑. ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หนังไทยในดวงใจเลยครับ
๒. รักแห่งสยาม ลงตัวมากๆ หนังเรื่องนี้
๓. Season Change อยากเลี้ยงลูกให้น่ารักเหมือนนางเอก
๔. ฝัน บ้า คาราโอเกะ ยอดเยี่ยมทุกมุมมองครับ
๕. แฟนฉัน น่ารักมากมาย ชอบผู้กำกับทีมนี้ทุกคนเลย
๖. ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว
เคยชอบหนังตลกเก่าๆ เช่น ฉลุย, กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ดูเรื่องปิดเทอมใหญ่ฯ เลยนึกได้อารมณ์แบบนี้ ที่ไม่มีมานาน
๗. Me Myself หนังเรื่องแรกของพงษ์พัฒน์ที่ชอบครับ
๘. Goal Club จริงๆ ชอบ เรียว กิตติกร แทบทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้ชอบมากสุดเลย เพราะชอบฟุตบอลครับ เนื้อเรื่องเลยใกล้ตัว
๙. กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ หนังครอบครัวที่แรงและดีที่สุดตั้งแต่ดูหนังไทยมา คิดถึง บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ในยุคเฟื่องๆ จัง
๑๐. มอหกทับสองห้องครูวารี อีกเรื่องที่รักมาก ยอวอด้วย แอบชอบเพราะชื่อพ้องกับโรงเรียนเรา ญอวอ แต่คนละมุมประเทศเลย แถมมอหกทับสองตรงกันอีกด้วย แต่หนังหนักนะ ใช่จะสนุกอย่างเดียว

ตอนนี้หนังไทยที่อยากดูมากคือ มนต์รักทรานซิสเตอร์ หายากจัง พี่คนขายตั๋วที่ House Rama บอกว่าเขาไม่ได้ทำเป็นซีดีไว้ด้วยเรื่องนี้ จะมีวาสนาได้ดูไหมนะเรื่องนี้

เพื่อนๆ ล่ะครับ หนังไทยเรื่องไหนอยู่ในใจคุณบ้างครับ

จุดหมายที่ปลายเท้า : ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เล่มที่ ๑๓

 

ผู้เขียน : หนุ่มเมืองจันท์

สำนักพิมพ์ : มติชน

จำนวนหน้า : ๒๒๔ หน้า

ราคา : ๑๔๐ บาท

ระดับความชอบ : ./๑๐

 

เป็นคอลัมน์ที่อ่านเป็นประจำ

เป็นนักเขียนในดวงใจเลยครับคนนี้ ลีลาการเขียนน่าติดตามเร้าใจดีมาก ได้ความรู้ไปต่อยอดเพิ่มเติมเสมอ

 

เล่มนี้มียกคำสุนทรพจน์ของ JK Rolling ที่พูดที่ Harvard ให้กับบัณฑิตที่กำลังจะจบ

เรื่องนี้เคยอ่านแล้ว เคยจดคำคมนี้มาใช้งานอยู่พักหนึ่ง ชอบจริงๆ ครับ

ชีวิตก็เหมือนกับนิทาน ไม่สำคัญว่ามันยาวแค่ไหน หากสำคัญว่ามันดีเพียงใด เซเนกา (คนโรมันโบราณ) กล่าวไว้ครับ

 

JK Rolling ใช้คำนี้เป็นข้อเตือนใจ

ทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที ไม่ง่ายนะครับที่จะได้เกิดมา

 

ในเล่มมีเรื่องของ CEO เถ้าแก่น้อย สาหร่ายทอดกรอบให้อ่านด้วย

คนนี้อายุยังไม่ถึงเบญเพสเลย แต่แนวคิดและวิธีการทำธุรกิจเหลือร้าย

แค่การแจกขนมให้ชิมยังเลือกแจกผู้หญิง เพราะธรรมชาติของผู้หญิงได้ของกินแล้วจะชวนกันกิน ผิดกับผู้ชายที่ได้ของกินมาแล้วงุบงิบทานคนเดียว ปัจจุบันเถ้าแก่น้อยเลยมียอดจำหน่ายสูงทีเดียว

 

มีเรื่องค่ายนักเขียนเยาวชนที่น่าสนใจมากเหมือนกัน ชอบครับค่ายแบบนี้ ทำไงลูกเราจะได้เข้าบ้างหนอ น่าจะดี

 

มีหนังสือน่าสนใจชื่อ ฟายน์แมน อัจฉริยะโลกฟิสิกส์ เป็นเรื่องราวของนักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ที่ทำอะไรก็ทำสุดๆ เข้าไปทำจริงจัง จนทำเป็นในสิ่งนั้นๆ ที่เขาสนใจ และให้ความสุขแก่เขา เขาจึงเป็นทั้ง นักเปิดเซฟมือฉมังในช่วงชีวิตหนึ่ง หรือ เป็นจิตรกรในช่วงหนึ่ง ซึ่งทุกครั้งต้องเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนัก

 

อีกคำที่โดนคือ ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่จำปี พ.. ได้แม่นยำ แต่ได้ข้อเรียนรู้ข้อดีข้อเสียจากอดีตมาปรับใช้ ยิ่งวิเคราะห์บทเรียนมาใช้ได้มากเท่าไหร่ ประวัติศาสตร์ก็มีคุณค่ามากเท่านั้น

 

บทสุดท้ายชื่อเดียวกับเล่ม เป็นเรื่องของนักวิ่งชาวแทนซาเนีย ที่วิ่งเข้าเส้นชัยจนได้แม้จะบาดเจ็บ เขาบอกว่า ประเทศผมไม่ได้ส่งมาเพื่ออกสตาร์ท แต่ส่งมาให้วิ่งถึงเส้นชัย ได้ใจเลยครับสำหรับคนที่กำลังท้อแท้ ใจสู้ซะอย่าง ทำได้แน่นอน นักวิ่งคนนั้นชื่อ จอห์น สตีเฟน อัควารี ครับ

 

ยังอยู่ในมาตรฐานครับเล่มนี้ น่าอ่านเหมือนเดิม

 

Link ที่เกี่ยวข้อง : ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มก่อนๆ

City of God : หนังแก๊งสเตอร์ที่สนุกมาก

กำกับ : Fernando Meirelles, Kátia Lund (co-director)
นำแสดง : ประชาชนที่อยู่ใน City of God
ความยาว : ๑๓๐ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐

ได้ หนังเรื่องนี้จากคุณหมอ Jonykeano เขาส่งมาให้พร้อมหนังที่ขอยืมไป Bowling for Columbine เนื่องจากอยากดู Michael Moore อีกซักเรื่องหลังจากดู Fahrenheit 911 แล้ว
ดูเรื่องที่ตั้งใจยืม ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

จนโดนคุณหมอทวงแล้ว จึงรีบดู ขออภัยมากมายที่ล่าช้า
เริ่มจากเรื่อง Pi ที่ดูไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นหนังขาวดำ พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ แนะนำไว้ในบทความของเขาว่าน่าสนใจ
เอามาดูก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

เรื่อง City of God นี่ดูแบบไม่คาดหวังเลย แต่เจ๋งมาก น่าติดตามจนจบเรื่องเลย แม้จะเป็นเรื่องราวของแหล่งเสื่อมโทรมในบราซิล อ่านหลังปกบอกว่า City of God เป็นหมู่บ้านเอื้ออาทรของบราซิล เวลาถ่ายภาพหลังคาของ City of God เห็นเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อยเชียว คนส่วนใหญ่ในชุมชนนี้จะมีผิวดำ และเป็นนักเลงกันตั้งแต่เด็ก

ผมว่าส่วนที่ทำให้แก๊งสเตอร์เรื่องนี้น่าดูคือการเดินเรื่อง ที่ฉับไว ทันสมัย เล่าเรื่องได้ลื่น และเชื่อมโยง ดูไม่เบื่อเลยครับ
แม้ดาราจะไม่ค่อยเจริญตา ฉากยิงกัน ฆ่ากันเยอะไปหมด แต่ก็ทำได้น่าดู ต้องยกประโยชน์ให้ผู้กำกับ
เทียบกับ Gomorra แก๊งสเตอร์ของอิตาลี ที่ดูยากไปนิด นัดนี้ลีลาแซมบ้ากินอิตาลีขาดครับ

ปกหลังบอกอีกว่าชิงลูกโลกทองคำหนังภาษาต่างประเทศปี ๒๐๐๓ แต่สู้ Talk to her ของ Pedro Almodóvar
ไม่ไหว แต่ก็ยังมีดีกรีเข้าชิง ซึ่งก็สมราคา

สิ่ง แวดล้อมสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและวิธีคิดของคน ดูได้จากเด็กใน City of God ทั้งหมดเป็นพวกที่ข้องแวะกับยาเสพติด อาวุธ และความโหดร้าย จนเป็นเรื่องปกติ
จะมีเพียงตัวพระเอกคนเดียวที่โชคดีจับพลัดจับผลูออกมาอยู่นอกวงจรนี้ได้
ไม่ค่อยเห็นบทบาทของพ่อแม่ในการอบรมลูกเลย แต่คงต้องดิ้นรน และแม้จะเป็นคนดีแล้ว อาจโดนกระทำจากคนอื่นได้เช่นกัน
ดังนั้นสิ่งแวดล้อมสำคัญมากต่อการใช้ชีวิต
บางครั้งอาจต้องหลบหนีไปเลย ถ้าทำได้

ใครอยากดูหนังแก๊งสเตอร์ ตีแผ่ดินแดนที่น่ากลัวที่สุดของบราซิลได้อย่างน่าติดตาม เรื่องนี้เลยครับ

สนุกกว่าที่คิดไว้มากเลย

ขอบคุณคุณหมอโจมากเลยนะครับ สำหรับหนังดีๆ ที่ให้ยืมมา

ปล. เปิดหาข้อมูลใน IMDb หนังเรื่องนี้อยู่อันดับ ๑๗ ของ Top250 ด้วย เจ๋งจริง

มิลินทปัญหา (ฉบับการ์ตูน) ทุกการเรียนรู้เริ่มต้นที่คำถาม


เรื่อง : เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย
ภาพ : พงษ์พัฒน์ เพชรรัตน์
สำนักพิมพ์ : วงกลม
ระดับความชอบ : ๙/๑๐
การ์ตูนชุดนี้มี ๓ เล่มครับ

ซื้อ การ์ตูนชุดนี้มานานแล้วครับ ตั้งแต่เริ่มออกเลย เพราะ SCG Paper ให้การสนับสนุน และมาขายพนักงานในราคาย่อมเยา ลูกสาวคนโตอ่านจบไปนานแล้ว ส่วนผมเพิ่งได้อ่าน จริงๆ เป็นแรงส่งมาจากเล่ม everybodyeverything ที่อ่านก่อนหน้านี้ ดูเหมือนการ์ตูนจะอ่านจบไวดี ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

สนุก ครับ จริงๆ เชื่อมั่นอย่างนี้ตั้งแต่เห็นชื่อคนเขียนเรื่องแล้ว กาเหว่าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เล่มนี้ก็เป็นเช่นนั้น ผมว่าหลังๆ ชอบหนังสือในแนวธรรมะของเธอนะ ยังติดใจเล่ม ภูมิคุ้มใจ จนป่านนี้

ได้ ยินชื่อมิลินทปัญหามานานพอสมควร ได้อ่านในชุดนี้ แต่ละคำถามเด็ดมาก พระเจ้ามิลิน ถามได้โดนใจ พระนาคเสน ก็ตอบได้ตรงประเด็น มีการอุปมาอุปมัยให้เห็นภาพชัดเจนในทุกๆ คำตอบ สุดยอดครับ
นึกไวๆ ในคำถาม ได้ดังนี้
• ทำไมต้องบวชถึงจะไปนิพพาน? ตอบว่าเรือลำเล็กก็ไปถึงฝั่งไว้ เพราะของรกรุงรังน้อย บรรพชิตก็จะมีห่วงน้อยกว่าฆราวาส
• อะไรไม่มีในโลก? ตอบว่าของที่ไม่เปลี่ยนแปลง เสื่อมลง ไม่มีในโลก
• ทุกข์ทางกาย ควบคุมไม่ได้ แต่ทุกข์ทางใจควบคุมได้ โดยเฉพาะไม่เอาความคิดไปปรุงแต่งทุกข์ทางกายที่ผ่านเข้ามา เพียงเข้าใจว่าทุกข์ทางกายนั้น ผ่านมาเป็นธรรมชาติ มาทดสอบเรา
• การทำดีควรทำดีตลอดชีวิต ปืนจะได้ตรงตลอดลำ

มี อีกหลายคำถามเลยครับ เป็นคำถามของพุทธศาสนิกชนที่อยากถามทั้งนั้นเลย บางคนยังสงสัยเรื่องทางสายเอกสายตรงสายนี้อยู่ ลองอ่านมิลินทปัญหา ฉบับการ์ตูนชุดนี้ครับ ย่อยง่าย เข้าใจได้ดีเลยทีเดียว

อีกประเด็นที่ชอบในมิลินทปัญหาคือ หากอยากได้ความรู้ ต้องเริ่มจากมีคำถามครับ
พระเจ้ามิลินมีข้อสงสัย จึงเกิดคำถาม เมื่อเจอผู้รู้ช่วยตอบ แล้วนำไปปฏิบัติ ก็จะกระจ่างได้อย่างง่ายดาย
แต่ทั้งหมดต้องเริ่มด้วยคำถามก่อนนะครับ หากไม่มีคำถาม การเรียนรู้ก็ไม่เริ่มขึ้น
มิลินทปัญหา บอกผมแบบนี้ครับ

ขอให้มีคำตอบในทุกๆ คำถามของชีวิตครับ