Entries Tagged 'ภาพยนตร์' ↓
มกราคม 17th, 2010 — ภาพยนตร์
หนัง ๗ รางวัลออสการ์ปี ๑๙๙๙
กำกับ : John Madden
นำแสดง : Gwyneth Paltrow, Josh Fiennes, Judi Dench, Ben Affleck
ความยาว : ๑๒๓ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐
Love is the only inspiration เป็น Keyword ของหนังเรื่องนี้
เป็น หนังที่อยู่ใน Waiting List มาเนิ่นนาน เพราะกวาดรางวัลออสการ์มาเยอะทีเดียวในปีที่เข้าประกวด และเป็นหนังที่หลายๆ คนพูดถึงในแง่ชื่นชม
ซื้อแผ่นมาระยะหนึ่งแล้ว ได้ฤกษ์ดูเสียที
เวลาผมดูหนังที่นางเอกคนนี้แสดง เช่น Proof
รู้สึก ว่าเธอไม่ค่อยสวยจนเป็นนางเอกได้เลย แต่กับเรื่องนี้เธอสวยสมควรจะเป็นนางเอกจริงๆ ดูอายุอานามตอนเล่นเรื่องนี้ก็น้อย ช่างเหมาะกับเนื้อเรื่องจริงๆ แถมแสดงได้ดี จนคว้ารางวัลออสการ์ดารานำฝ่ายหญิงมาได้
ส่วนดาราคนอื่นๆ ก็ทำได้ตามมาตรฐาน
โดย ส่วนตัวชอบหนัง Period ประเภทใส่กระโปรงสุ่ม ชอบเวลาแต่งตัวฝ่ายหญิง ที่ต้องมีคนช่วย ดึงเส้นที่เสื้อเพื่อรัดให้เสื้อเข้าตัว ผู้หญิงสมัยนั้นช่างอดทนจริงๆ แต่สิ่งที่ออกมาก็สวยงามดีเหลือเกิน หนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์เครื่องแต่งกายด้วย
แต่ที่สังเกต หนัง Period มักจะมีเนื้อหาหนักๆ เชิง Drama เพราะชีวิตสมัยก่อนมากมายกฎเกณฑ์ ทำให้เกิดเรื่องต่างๆ จากการบีบคั้นนั้นๆ ได้
เรื่อง Elizabeth เป็นอีกเรื่องที่อยากดู
หนัง Period เรื่องไหนเจ๋งๆ อีกบ้าง บอกกันบ้างนะครับ
อีก แนวที่ชอบคือหนังที่เล่นกับแรงบันดาลใจ ในเรื่องนี้เล่าเรื่องที่มาของวรรณกรรมบรรลือโลกของวิลเลียม เช็คสเปียร์ โดยตีความและแต่งเอาได้อย่างมีจินตนาการทีเดียว เก่งมากครับ
เมื่อคนผลิตงานตีบตันทางความคิด สิ่งที่ต้องการอย่างมากคือแรงบันดาลใจ มีหนังเรื่องหนึ่งที่พยายามจะหามาชมอยู่ชื่อ The muse ศัพท์คำนี้แปลว่าเทพธิดาที่เป็นแรงบันดาลใจของกวี
หาติดตัวไว้นะครับสิ่งนี้ จะได้สร้างสิ่งดีๆ ออกมาได้ หรือจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย เพราะเรารู้ว่าเราทำทุกอย่างนี้เพื่อใคร
หนังเรื่อง Shakespeare in love ใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจครับ บทละครอันเลื่องชื่อของวิลล์จึงเกิดขึ้นมาได้
อยากดูหนังแต่งตัวสวยๆ มีเรื่องความรักเป็นแรงบันดาลใจให้ชม เอาเรื่องนี้มาชม
ระวังจะตกหลุมรัก Gwyneth Paltrow นะครับ
มีความสุขทุกคนครับ
ธันวาคม 29th, 2009 — ภาพยนตร์
หนังที่ Blogger ต้องดู
ผู้กำกับ : Nora Ephron (เขียนบทด้วยครับ)
นำแสดง : Meryl Streep, Amy Adams
ความยาว : ๑๒๓ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐
หนังเรื่องนี้อ่านเจอจาก Blog ของ บ.ก.แป๊ด Grappa เห็นแผ่นในร้านเลยรีบคว้ามาดู
แค่เปิดเรื่องก็น่าสนใจแล้ว
Based on two true stories
ซึ่งเป็นเรื่องของ
Julie Powell และ Julia Child สองแม่ครัวต่างยุค
คน แรกเป็นคนยุคปัจจุบัน ทำ Blog ก่อนเราประมาณ ๔ ปี แต่เขามี Theme ที่ชัดเจน นั่นคือทำอาหารตามสูตรในตำราของ Julia Child ซึ่งเป็นสุภาพสตรีชาวอเมริกาที่ติดตามสามีไปอยู่ในฝรั่งเศส กิจกรรมหนึ่งที่เธอโปรดปรานคือทานอาหารฝรั่งเศสอย่างเอร็ดอร่อย เธอเลยอยากให้แม่บ้านชาวอเมริกันได้ทำทานบ้าง เลยไปเรียน และเขียนตำรา ในยุคของเธอไม่มี Blog จึงเขียนตำราแล้วส่งสำนักพิมพ์เพื่อพิจารณา
ส่วน Julie Powell ใช้เทคโนโลยีปัจจุบันคือ Blog เธอให้เวลาหนึ่งปีกับห้าร้อยกว่าสูตรที่จะต้องทำให้หมด ไม่ง่ายเลย จึงต้องการกำลังใจมาก ลองดูประโยคที่เธอมอบให้คนให้กำลังใจเธอครับ
“I could never have done this without you. As someone once said, you are the butter to my bread, the breath to my life. To my husband.”
คมคาย ได้ใจ คนดูน้ำตาซึม
ตัวหนัง, ดารา, เพลงประกอบ ลงตัวไปหมดครับ
เหมาะแก่การนำมาชมเป็นอย่างยิ่ง
ตอน นี้เข้าชิงลูกโลกทองคำในสาขา ภาพยนตร์เพลงหรือตลกยอดเยี่ยม และ Meryl Streep เข้าชิงในสาขา นักแสดงนำหญิงจากภาพยนตร์เพลงหรือตลกยอดเยี่ยม
จะ ว่าไปผู้กำกับคนนี้คงถนัดแนวนี้ Romantic Comedy เพราะเรื่องก่อนๆ ของเธอคือ Sleepless in Seattle และ You’ve got mail นี่ถ้าเอา Meg Ryan มาแสดงได้คงเอามาแสดงแล้ว แต่ยุคนี้ Sandra Bullock ก็ใช่ย่อยสำหรับแนวนี้
ทำไม Blogger ต้องดู ก็เพราะจะได้เห็นว่ามีคนคิดเหมือนเราเยอะ เชื่อว่า Blogger ทุกคนมีความฝัน อยากให้คนมาอ่าน มาแสดงความคิดเห็น เลยกลายเป็นหน้าที่ที่จะต้องเขียนให้คนที่ติดตามอ่าน Blog ของเราได้อ่านสม่ำเสมอ
จริงๆ แล้ว Blog ต้องมี Theme ที่ชัดเจน ถึงจะดังและติดตลาด หนังเรื่องนี้บอกไว้
หากดึงคนในครอบครัวมามีส่วนร่วมกับการเขียน Blog ได้จะดีมาก เหมือนในหนังเรื่องนี้
ให้ ใส่ความรู้สึกนึกคิดอย่างเต็มที่ และซื่อสัตย์ ใน Blog เหมือนตอนที่ Julie ทะเลาะกับสามี เธอก็เขียนความรู้สึกของเธอลง Blog สามีมาอ่านก็จะได้รู้ถึงความรู้สึกแท้จริง
อีกอย่างอย่าหวังว่าจะดังในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลา ดูเราสิเขียนมาตั้งหลายปี ไม่ดังเสียที ต้องฝึกต่อไป
แม้ จะไม่ดังแต่ผมก็ชอบเขียน Blog เพราะได้บันทึกเรื่องราวที่เข้ามา ได้จดความรู้สึกเวลาดูหนัง อ่านหนังสือ เลี้ยงลูก หรือไปเที่ยวไหนๆ เวลากลับมาอ่านแล้วมีความสุขทุกที หรือเวลาจะแบ่งปันให้คนอื่นก็เป็นไปโดยง่าย
Julia Child คงคิดแบบนี้เหมือนกัน แค่เธอไม่มี Blog จะใช้ในยุคนั้น
การได้แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ไว้ในโลกไซเบอร์ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมยังเขียน Blog
การได้พบคนคอเดียวกัน แนะนำต่อยอดสม่ำเสมอ ทำให้ผมชอบ Blog
การได้รับมิตรภาพ แบ่งปันของ ลดโลกร้อน ชวนกันทำความดี ทำให้ผมยิ่งรัก Blog
ส่งหนังเรื่องนี้ต่อไปให้ ดร.วรภัทร์ ก็แกเป็น Blogger ที่ผมนับถือท่านหนึ่ง
Blogger ท่านอื่นล่ะครับ ทำไมเขียน Blog? บอกกันบ้างนะครับ
มีความสุขทุกคนครับ
ธันวาคม 27th, 2009 — ภาพยนตร์
โชคของเรา เรากำหนดได้
ผู้กำกับ : Mike Leigh
นำแสดง : Sally Hawkins
ความยาว : ๑๑๘ นาที
ระดับความชอบ : ๘.๕/๑๐
หนังเรื่องนี้มีรางวัลรับประกันจากหลายเวที เป็นรางวัลดารานำฝ่ายหญิง แต่ออสการ์ไม่ได้นะครับ
หนังเดินเรื่องง่ายๆ เริ่มมานางเอกก็อารมณ์ดีรับกับถูกขโมยจักรยานเลย “ยังไม่ได้บอกลากันเลย” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
แล้วเธอก็ใช้ชีวิตต่อไป
เธอ เริ่มเรียนขับรถยนต์หลังจากนั้นในสุดสัปดาห์ อาจารย์ดุมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือเธอขี้เล่นและดื้อ ตัวอย่างเรื่องรองเท้ามีส้น ที่เธอใส่ตั้งแต่เรียนวันแรก อาจารย์ก็พร่ำบอกให้ถอดเสมอ
เธอไม่เคยโกรธเวลาถูกดุ แถมล้อเล่นเสียอีก นิสัยน่ารักเหล่านี้ ทำให้คนรอบข้างชอบเธอ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์สอบขับรถจอมเฮี๊ยบ
นางเอกเป็นครูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งก็เหมาะกับนิสัยเธอดีครับ
นางเอกแสดงดีมากสมกับหลายรางวัลที่กวาดมา ไม่เวอร์ อารมณ์ดี กำลังดี แสดงเป็นธรรมชาติมาก ดูแล้วคล้อยตามไปเลย
ทุกตำรามักจะพูดถึง Positive Thinking เราก็มักจะคิดว่าทำไม่ได้ตลอดเวลาหรอก แต่นางเอกของเราทำได้ ทำได้ดีเสียด้วย
โชคของเรา เรากำหนดได้ครับ ว่าจะให้เป็นอย่างไร
แค่อารมณ์ดี ก็เปลี่ยนชีวิต และเรื่องต่างๆ รอบข้างให้ดีขึ้นได้
กำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้เลยนะครับ
อารมณ์ดี แล้วจะโชคดี ตามชื่อเรื่องนั่นเอง
หนังเรื่องนี้บอกผมอย่างนี้ครับ
อารมณ์ดี มีความสุขทุกคนครับ
กันยายน 30th, 2009 — ภาพยนตร์
รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง จึงหลุดพ้น
กำกับ : Harold Ramis
นำแสดง : Bill Murray, Andy MacDowell
ความยาว : ๑๐๑ นาที
หนังปี ค.ศ.๑๙๙๓
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐
ช่วง นี้ซื้อหนังดีๆ ประเภทที่อยากดูมากมาหลายเรื่องเลย แผ่นนี้ก็เข้าข่ายนั้น เป็นหนังที่หลายคนชอบกล่าวถึงในแง่เนื้อหา เป็นหนังตลก ว่ากันว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดของ Bill Murray ดาราตลกคนดัง
ส่วนดารานำฝ่ายหญิงเป็นดาราที่ผมชื่นชอบมานานแล้ว
เนื้อเรื่องคิดได้เก่งมาก ออกแนวแฟนตาซี
ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ เคยสอนว่า หากเราจิตเกิดกับเรื่องอะไร เราจะเกิดมาเจอกับสิ่งนั้นอีก เพื่อให้เราทดสอบจนผ่านไปให้ได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดมากับเราในชาตินี้ เคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีฟลุ๊คครับ
หนัง เรื่องนี้แสดงแนวคิดเดียวกัน พระเอก ชื่อ Phil เป็นนักข่าวพยากรณ์อากาศ และต้องไปทำข่าวเทศกาล Groundhog Day ติดต่อกันหลายปี จึงชักเบื่อการมารายงานข่าวการทำนายของ Phil สัตว์หน้าตาคล้ายกระรอกตัวใหญ่ๆ ที่จะออกจากรังมาทำนายว่าฤดูหนาวจะยาวนานอีกแค่ไหน พระเอกจอมกวนของเราไม่เชื่อคำทำนายเลยต้องติดพายุหิมะทำให้ต้องเลี้ยวรถกลับ มาพักที่เมืองนี้ เมืองที่พระเอกไม่ชอบ หนักกว่านั้นต้องเจอวันที่พระเอกไม่โปรดเอาเสียเลย Groundhog Day
แม้จะทำอย่างไร ตื่นขึ้นมาก็จะเจอวันนี้ กระทั่งฆ่าตัวตายก็แล้ว ยังไม่สำเร็จ
มี เรื่องหนึ่งคาใจพระเอกมากคือแอบปิ๊งนางเอกตั้งแต่แรกเห็นที่สถานีโทรทัศน์ จึงแปลงวิกฤติเป็นโอกาส พยายามเอาชนะใจนางเอกทุกวิถีทาง แต่ก็มาตายตอนจบเพราะนางเอกจะรู้ทันว่าพระเอกวางแผนไว้ทุกครั้ง สุดท้ายก็โดนตบทุกที
จนพระเอกเปลี่ยนแนวการใช้ชีวิตเป็นช่วยเหลือคน อื่นในแต่ละวัน หัดเล่นเปียโนทุกวันจนเก่ง หลังจากนั้นก็เข้างานเลี้ยงเพื่อเล่นเปียโนบนเวที เป็นแผนในการพิชิตใจนางเอกอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งต้องการการฝึกฝน และหัวใจที่บริการและช่วยเหลือคน
สุดท้ายก็ชนะใจเธอได้ แล้วก็หลุดพ้นจากวังวน Groundhog Day
เนื้อ เรื่องเก๋มาก นำมาเปรียบเทียบกับแนวคิดพุทธศาสนาได้สบาย ก็เมื่อ “รักผู้อื่นได้มากกว่าตัวเองนั้น ไร้ตัวฉันสุดประเสริฐเลิกเกิดเอย”
ลองอ่านหนังสือเล่ม แมวน้อยร้อยหมื่นชาติ ประกอบด้วย จะเสริมอารมณ์นี้ได้ดีครับ
วิธี ตัดตัวเรามีหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือรักผู้อื่นให้มากกว่าตัวเอง จนลืมตัวเองได้ ก็ถือเป็นการตัดการยึดมั่นถือมั่นในตัวเราได้ แค่นี้ก็นิพพานครับ
แม้ไม่ง่าย แต่ก็ต้องเริ่มทำนะครับ
ไม่เช่น นั้นก็จะติดในวังวน Groundhog Day เหมือน Phil แต่เราจะเป็นวัฏสงสาร จะใช้เวลานานกว่า Phil มิหนำซ้ำจำอะไรไม่ได้อีกด้วยเมื่อเกิดใหม่
รักกันให้มากนะครับ ชีวิตไม่ได้ยืนยาวนัก
มีความสุขทุกคนครับ
สิงหาคม 12th, 2009 — ภาพยนตร์
กำกับ : Darren Aronofsky
นำแสดง : Mickey Rourke, Marisa Tomei, Evan Rachel Wood
ความยาว : ๑๑๑ นาที
ระดับความชอบ : ๙.๕/๑๐
วันแม่ไม่ได้ไปไหน จัดห้องที่พัก และรื้อหนังที่ซื้อเก็บไว้มาดู
แผ่นนี้ซื้อมาเพราะดารานำฝ่ายชายได้ลูกโลกทองคำ ส่วน Oscar แพ้ Sean Penn จากเรื่อง Milk ไป
แต่เมื่อได้ชมจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะดาราชายครับที่ถูกใจ ดาราหญิง Marisa Tomei ก็ชอบ เหมือนได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอหน้ามานานเลยครับ เคยได้ชมเธอเล่นนานมาแล้ว จากหนังน่ารักเรื่อง Untamed Heart หัวใจไม่เชื่อง จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่จำชื่อเธอได้ ชื่อคล้ายไทยปนญี่ปุ่นดีครับ
ในเรื่องนี้แม้จะอายุมากขึ้น แต่เธอก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย
ดาราชายหายห่วง เล่นดีสมราคา ไม่ค่อยได้ดูผลงานของ Mickey Rourke มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นดาราในแถวหน้าคนหนึ่งเลย
ตีบทแตก เล่นได้เป็นนักมวยปล้ำจริงๆ เลยครับ
บทไม่แปลกใหม่ ค่อยเป็นค่อยไป ปูเรื่องมาเรื่อยๆ จนมีจุดพีคพลิกผันและตัดสินใจ
สิ่งที่ทำให้ชอบมากนอกจากการแสดงของนักแสดงแล้ว มี ๒ ประเด็น คือ
เพลงประกอบยุค ๘๐ พวก Gun and Roses แค่เพลงแรกที่เปิดในรถพระเอก Don’t know what you got (till it gone) เพลงสุดโปรดของผม ความหมายดีมาก และ เพราะมากครับเพลงนี้ เป็นของวง Cinderella แค่นี้ก็เทคะแนนให้แล้วครับ เท่านั้นยังไม่พอ เพลงร็อคยุค ๘๐ ก็มาเป็นระยะๆ แถมเอาประเด็นเพลงยุคนี้มาคุยกับนางเอกของเราจนออกรสเสียอีก ชอบครับ
อีกประเด็นที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะชอบดูมวยปล้ำครับ ตั้งแต่ยุคแรกเลย ตอนแรกที่เค้าบอกว่าเป็นการแสดง ยังเถียงคอเป็นเอ็นเลย แต่ตอนหลังก็เริ่มยอมรับ มาดูในเรื่องนี้ แม้จะเป็นการแสดง แต่นักปล้ำของเราก็เจ็บตัวมากทีเดียว ชอบบรรยากาศหลังลงจากเวที มาในห้องพักนักกีฬา เป็นกันเอง เป็นทีม มีมิตรภาพดีมากเลยครับ วิญญานของพวกนักมวยปล้ำคือทำให้คนดูสนุกมากที่สุด แสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพมาก
แล้วเมื่อร่างกายต้องกระทบกระเทือนมาต่อเนื่อง ยาวนาน ก็ไม่ไหว จนต้องใช้ยาช่วยในการกระตุ้นในบางครั้ง
พระเอกของเราปล้ำมา ๒๐ ปีเข้าไปแล้ว ร่างกายจะไม่กรอบได้ไงครับ
เห็นฉากที่พระเอกพกใบมีดโกนเพื่อกรีดหน้าผากตัวเองให้เลือดออก อึ้งเลยครับ ทั้งนี้เพื่อความสุขของผู้ชม นักมวยปล้ำมืออาชีพทำได้
พระเอกจำต้องอำลาจากวงการเนื่องจากร่างกายไม่ไหว หัวใจล้มเหลว และได้รับการผ่าตัดหัวใจ
ในงานใหม่ที่ได้ทำก็พยายามเอ็นเตอร์เทนให้คนอื่นมีความสุขเช่นกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องหวนกลับสู่เวที เพราะนี่คือ “โลกของผม” พระเอกว่างั้น
หนังจบได้ดีมาก ชอบฉากจบที่สุดเลย
ทุกคนต่างต้องการพื้นที่ๆ จะยืนอยู่บนโลกนี้ทั้งนั้น แม้จะอยู่ในที่ๆ ต่างกัน แต่คุณค่าของคนเราล้วนเท่าเทียม เมื่อเป็นนักมวยปล้ำ ก็ทำให้ดี ให้คนดูมีความสุข มันที่สุด ให้ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำให้ดูแล้ว
แต่คนเราก็หาได้มีหน้าที่เดียวบนโลกนี้ไม่ ดังนั้นเราต้อง Balance ให้ดี
มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนพระเอก ที่สอบตกในการเป็นพ่อโดยสิ้นเชิง จะมีประโยชน์อะไรคร้บ ถ้าดีต่อคนทั้งโลก แต่คนใกล้ตัวเราต้องเหงา และไร้ความสุข
หนังไม่ได้บีบคั้น หรือตัดสินใดๆ แค่แสดงให้เห็นในบทบาทของตัวละครตัวนี้บนโลก The Wrestler
หนังดี น่าดูมากครับ
มีความสุขกับทุกๆ บทบาทที่คุณเล่นอยู่บนโลกนี้นะครับ เพราะทุกบทบาทสำคัญต่อโลกนี้เสมอ เล่นให้เต็มที่ครับ
ปล.หนังเรื่องนี้ได้อันดับ ๑๑๐ ของ Top250 ใน IMDb และ
Rottentomatoes ให้ ๙๘% สูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย รองๆ ลงมาคือเรื่อง Once ที่ได้ ๙๗%
สิงหาคม 8th, 2009 — ภาพยนตร์
กำกับ : เว่ยเต๋อเซิ่ง
นำแสดง : แวน ฟ่าน, ชิเอะ ทานากะ, โคสุเกะ อาตาริ, หม่าจู่หลง
ความยาว :๑๓๗ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐
เป็นหนังไต้หวันที่มีสรรพคุณมากมาย กวาดรางวัลม้าทองคำ ๕ ตัว รายได้แซงหน้าหนังฝรั่งที่เข้าในช่วงเดียวกันในไต้หวัน
ในสีสันครบรอบยี่สิบปี คุณสิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ ก็เขียนถึงเรื่องนี้เหมือนกัน จั่วหัวว่า รักบ้านเกิด ตอนแรกก็นึกชื่อนี้ไว้เหมือนกันนะ
แต่ก็นึกถึงแนวที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ หลายชีวิต ที่ตัวละครมีหลายตัว แต่ร้อยเรียงเชื่อมโยงกันได้ด้วยจุดร่วมอย่างหนึ่ง จึงมาเจอกัน ได้เรียนรู้กัน จนมาถึงจุดหมาย
หนังแนวนี้ผมว่าทำยากนะ บทต้องดี ตัดเรื่องไปมาต้องเฉียบ ไม่งั้นงง และอาจทำให้เนื้อเรื่องไม่โดนก็ได้
แต่ถ้าทำดี โดนแรงเลยครับ
หนังเรื่องนี้ผ่านครับ คะแนนตอนออกจากโรงฯ ต่ำกว่านี้ แต่ยิ่งคิดทบทวนยิ่งชอบ และชื่นชมผู้กำกับที่คุมเรื่องได้ดีมาก
เสียนิดเดียว ไม่มีน้ำตา หากเรียกน้ำตาได้สงสัยคะแนนจะเต็ม
แต่ฉากอังกอร์วงเปิดนี่ก็อึ้งนะครับ ไม่เคยเจอ ได้ใจมากฉากนี้
ฉากที่นักร้องญี่ปุ่นขึ้นมาร้องเพลงด้วยก็ชอบ งดงามดีครับ
ลึกๆ อยากให้คุณลุงไปรษณีย์มีบทบาทดึงอารมณ์มากกว่านี้
ชอบนักคีย์บอร์ด น่ารัก กวนดี โดนพระเจ้าถีบออกจากโบสถ์ แต่ตอนท้ายก่อนขี้นเวทีก็ไปขอกำลังใจจากพระเจ้าอยู่ดี
ชอบตอนแต่ละคนไปขอกำลังใจจากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของแต่ละคน
ชอบฉากที่ทุกคนไปส่งจดหมายแทนพระเอก เพื่อให้พระเอกแต่งเพลง
ชอบที่คุณลุงไปรษณีย์สอนจิตวิญญานของไปรษณีย์ ดีจังครับ
ไม่ชอบตอนพระเอกกับนางเอกลงเอยกัน รู้สึกว่าง่ายไป เหตุผลไม่เพียงพอ
อยากให้ดึงตอนเปิดจดหมายของโทโมโกะอีกนิด อยากร้องไห้ง่ะ
เพลงประกอบก็ไพเราะ บทเจ๋ง ภาพสวยโดยเฉพาะที่ Cape ครับ
เนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องของหลายชีวิตที่เกิดขึ้นที่นี่ Cape No.7 (ผมเข้าใจไปเองนะครับ ในสีสันบอกว่าจดหมายมี ๗ ฉบับ)
เปิดเรื่องด้วยการร่ำลาเมืองใหญ่ของพระเอก กลับสู่ Cape No.7
กลับมาทำงานเป็นบุรุษไปรษณีย์ เนื่องจากคนเดิมขาหัก และอายุมากแล้ว แต่พระเอกก็เบี้ยวไม่ยอมส่งจดหมายให้ถึงมือผู้รับ
เรื่องราวต่างๆ เชื่อมโยงกับจดหมายจากญี่ปุ่น ส่งถึงคุณโทโมโกะ แต่เธอเปลี่ยนที่อยู่ไปแล้ว แต่เมื่อจะตีคืน พระเอกดันมาแอบอ่าน เลยทำให้เจอรักแท้ที่เนิ่นนาน งดงาม คงทน
อีกเรื่องที่นำมาเชื่อมโยงคือ วงดนตรีท้องถิ่น ที่ต้องมาเป็นวงเปิดให้กับนักร้องญี่ปุ่น เพราะท่าน ส.ท.ห่วงคะแนนเสีียงในการเลือกตั้งคราวหน้่า
ต้องยอมรับการเชื่อมโยงสองเรื่องเข้าด้วยกัน กับตัวละครหลายตัว ปกติไม่ค่อยเห็น มักใช้เรื่องเดียวเชื่อมโยง หนังเรื่องนี้จึงดูพิเศษ และคุมโทนเรื่องได้ เจ๋งจริง
โดยรวมเป็นหนังที่ดีมาก คุ้มค่าต่อการชมเป็นอย่างยิ่ง
Link ที่เกี่ยวข้อง : หนังแนวหลายชีวิตเรื่องอื่นๆ
ปล.ขอบคุณเจ๋ง (เพื่อนสมัยมอปลาย) ที่มาดูหนังด้วย กลัวเหมือนกันจะทำให้เพื่อนลำบากเพราะดูไม่รู้เรื่อง เคยเป็นมาแล้วตอนชวนตู่ (เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย) ดู Gomorra มึนหัวกันทั้งคู่เลย แต่ได้ยินเจ๋งบอกว่า “หนังเมื่อวานดีนะ” ค่อยโล่งอก ไว้ดูกันใหม่นะครับ
สิงหาคม 1st, 2009 — ภาพยนตร์
กำกับ : ยงยุทธ ทองกองทุน
นำแสดง : อารักษ์ อมรศุภศิริ, ญารินดา บุญนาค
ความยาว : ๑๑๘ นาที
ระดับความชอบ : ๗.๕/๑๐
หนังเรื่องนี้มีคนพูดถึง ๒ ราย คือน้องที่ทำงาน และ บทวิจารณ์ในนิตยสารสีสัน ทั้งสองเสียงออกมาในทางชื่นชม
ทำให้เกิดความคาดหวังเมื่อจะดู
หนังทำออกมาใช้ได้ แต่มีความรู้สึกไม่ค่อยพีค ไม่ค่อยเนียน ออกจะสับสนระหว่างตัวเอกทั้งสองคู่ ตกลงใครเด่นกว่าใคร หรือหนังจะบอกอะไร
ชอบประเด็นที่นางเอกเป็นคนรักสัตว์ แล้วเป็นแรงบันดาลใจให้พระเอกเลือกเรียนสัตวแพทย์ มักจะรู้สึกดีกับความรักที่กลายเป็นแรงผลักในด้านดีแบบนี้ครับ เคยรู้สึกแบบนี้ในการ์ตูนเรื่อง Whisper of the heart ชอบครับ
ส่วนเนื้อเรื่องในเรื่องนี้ที่พยายามผูกกันหลายเรื่อง ทั้งความจำที่กำลังจะเสื่อม ก็ไม่รู้ว่าความรักจะยาวจริงหรือเปล่า หนังไม่ได้แสดงให้ชัด ดูเหมือนความจำยังอยู่จนจบเรื่องนะ
หลายประสบการณ์ในชีวิตทำให้เราเกิดความประทับใจได้ อย่างในเรื่องนี้ก็เริ่มจากพระเอกเมาแล้วขับจนโดนจับมาบำเพ็ญประโยชน์ จึงมาเจอเรื่องราวความรักของผู้สูงวัย ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ ไป
แต่เมาแล้วขับนี่ ไม่ต้องจำไปใช้นะครับ เป็นสิ่งที่แย่มากเท่าที่โลกนี้เคยมีอยู่
เมาแล้วนอน กลับ Taxi ดีกว่าครับ
ต้นไม้ สวน ก็ร่มรื่นดี อยากมีสวนง่ะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับหนังเท่าไหร่ แค่ความอยากเป็นการส่วนตัว
ประเด็นที่เอาต้นไม้มาสอนใจและสร้างแรงฮึดก็ดี แล้วนำพาต่อมาสร้างความประทับใจตอนท้ายเรื่องก็ทำออกมาได้ดี ดูแลไว้เถอะครับคนแก่ เพราะไม่มีพวกเขาก็ไม่มีเรา อีกอย่างเขาอยู่ให้เราดูแลไม่นานแล้ว ไม่ต้องรอให้ทำศพยิ่งใหญ่ ไม่มีประโยชน์ครับ ดูเรื่อง Departures ดูครับ อย่ารอจนมาแต่งศพให้สวยนะครับ ว่าแล้วก็โทร.หาแม่ดีกว่า
สรุปว่าไม่โดนโดยส่วนตัว สงสัยคาดหวังมากไป แต่ยังไงก็รักหนังไทยนะ
ลองดูลิสต์รายชื่อหนังไทยที่ชอบมากๆ ของผมดูนะครับ
๑. ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หนังไทยในดวงใจเลยครับ
๒. รักแห่งสยาม ลงตัวมากๆ หนังเรื่องนี้
๓. Season Change อยากเลี้ยงลูกให้น่ารักเหมือนนางเอก
๔. ฝัน บ้า คาราโอเกะ ยอดเยี่ยมทุกมุมมองครับ
๕. แฟนฉัน น่ารักมากมาย ชอบผู้กำกับทีมนี้ทุกคนเลย
๖. ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว
เคยชอบหนังตลกเก่าๆ เช่น ฉลุย, กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ดูเรื่องปิดเทอมใหญ่ฯ เลยนึกได้อารมณ์แบบนี้ ที่ไม่มีมานาน
๗. Me Myself หนังเรื่องแรกของพงษ์พัฒน์ที่ชอบครับ
๘. Goal Club จริงๆ ชอบ เรียว กิตติกร แทบทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้ชอบมากสุดเลย เพราะชอบฟุตบอลครับ เนื้อเรื่องเลยใกล้ตัว
๙. กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ หนังครอบครัวที่แรงและดีที่สุดตั้งแต่ดูหนังไทยมา คิดถึง บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ในยุคเฟื่องๆ จัง
๑๐. มอหกทับสองห้องครูวารี อีกเรื่องที่รักมาก ยอวอด้วย แอบชอบเพราะชื่อพ้องกับโรงเรียนเรา ญอวอ แต่คนละมุมประเทศเลย แถมมอหกทับสองตรงกันอีกด้วย แต่หนังหนักนะ ใช่จะสนุกอย่างเดียว
ตอนนี้หนังไทยที่อยากดูมากคือ มนต์รักทรานซิสเตอร์ หายากจัง พี่คนขายตั๋วที่ House Rama บอกว่าเขาไม่ได้ทำเป็นซีดีไว้ด้วยเรื่องนี้ จะมีวาสนาได้ดูไหมนะเรื่องนี้
เพื่อนๆ ล่ะครับ หนังไทยเรื่องไหนอยู่ในใจคุณบ้างครับ
กรกฏาคม 22nd, 2009 — ภาพยนตร์
กำกับ : Fernando Meirelles, Kátia Lund (co-director)
นำแสดง : ประชาชนที่อยู่ใน City of God
ความยาว : ๑๓๐ นาที
ระดับความชอบ : ๙/๑๐
ได้ หนังเรื่องนี้จากคุณหมอ Jonykeano เขาส่งมาให้พร้อมหนังที่ขอยืมไป Bowling for Columbine เนื่องจากอยากดู Michael Moore อีกซักเรื่องหลังจากดู Fahrenheit 911 แล้ว
ดูเรื่องที่ตั้งใจยืม ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
จนโดนคุณหมอทวงแล้ว จึงรีบดู ขออภัยมากมายที่ล่าช้า
เริ่มจากเรื่อง Pi ที่ดูไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นหนังขาวดำ พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ แนะนำไว้ในบทความของเขาว่าน่าสนใจ
เอามาดูก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
เรื่อง City of God นี่ดูแบบไม่คาดหวังเลย แต่เจ๋งมาก น่าติดตามจนจบเรื่องเลย แม้จะเป็นเรื่องราวของแหล่งเสื่อมโทรมในบราซิล อ่านหลังปกบอกว่า City of God เป็นหมู่บ้านเอื้ออาทรของบราซิล เวลาถ่ายภาพหลังคาของ City of God เห็นเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อยเชียว คนส่วนใหญ่ในชุมชนนี้จะมีผิวดำ และเป็นนักเลงกันตั้งแต่เด็ก
ผมว่าส่วนที่ทำให้แก๊งสเตอร์เรื่องนี้น่าดูคือการเดินเรื่อง ที่ฉับไว ทันสมัย เล่าเรื่องได้ลื่น และเชื่อมโยง ดูไม่เบื่อเลยครับ
แม้ดาราจะไม่ค่อยเจริญตา ฉากยิงกัน ฆ่ากันเยอะไปหมด แต่ก็ทำได้น่าดู ต้องยกประโยชน์ให้ผู้กำกับ
เทียบกับ Gomorra แก๊งสเตอร์ของอิตาลี ที่ดูยากไปนิด นัดนี้ลีลาแซมบ้ากินอิตาลีขาดครับ
ปกหลังบอกอีกว่าชิงลูกโลกทองคำหนังภาษาต่างประเทศปี ๒๐๐๓ แต่สู้ Talk to her ของ Pedro Almodóvar
ไม่ไหว แต่ก็ยังมีดีกรีเข้าชิง ซึ่งก็สมราคา
สิ่ง แวดล้อมสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและวิธีคิดของคน ดูได้จากเด็กใน City of God ทั้งหมดเป็นพวกที่ข้องแวะกับยาเสพติด อาวุธ และความโหดร้าย จนเป็นเรื่องปกติ
จะมีเพียงตัวพระเอกคนเดียวที่โชคดีจับพลัดจับผลูออกมาอยู่นอกวงจรนี้ได้
ไม่ค่อยเห็นบทบาทของพ่อแม่ในการอบรมลูกเลย แต่คงต้องดิ้นรน และแม้จะเป็นคนดีแล้ว อาจโดนกระทำจากคนอื่นได้เช่นกัน
ดังนั้นสิ่งแวดล้อมสำคัญมากต่อการใช้ชีวิต
บางครั้งอาจต้องหลบหนีไปเลย ถ้าทำได้
ใครอยากดูหนังแก๊งสเตอร์ ตีแผ่ดินแดนที่น่ากลัวที่สุดของบราซิลได้อย่างน่าติดตาม เรื่องนี้เลยครับ
สนุกกว่าที่คิดไว้มากเลย
ขอบคุณคุณหมอโจมากเลยนะครับ สำหรับหนังดีๆ ที่ให้ยืมมา
ปล. เปิดหาข้อมูลใน IMDb หนังเรื่องนี้อยู่อันดับ ๑๗ ของ Top250 ด้วย เจ๋งจริง
กรกฏาคม 20th, 2009 — ภาพยนตร์
WANTED : Who are you?
กำกับ : Timur Bekmambetov
นำแสดง : James McAvoy, Angelina Jolie, Morgan Freeman
ความยาว : ๑๑๐ นาที
ระดับความชอบ : ๘/๑๐
หนังเรื่องนี้ผมได้ดู ๓ รอบ โดยทั้งหมดดูบนรถทัวร์
ครั้งแรกไม่ค่อยชอบ เพราะสีของหนังไม่สด ออกจะคล้ายหนังซูมแต่คุณภาพดีกว่า เพิ่งมารู้ในตอนชมครั้งที่ ๓ ว่าเล่นกับ Thumbdrive
ชม ครั้งแรกไม่รู้ชื่อเรื่อง รู้แต่ว่าสาวนักฆ่าคนนี้สวยมาก ยังไม่รู้เลยว่าเธอคือ Angelina Jolie เพราะผมไม่เคยดูหนังที่เธอเล่นเลย ได้ยินแต่ในข่าวการกุศล
หลังจากชมครั้งแรกเลยเฉยๆ
จนชมครั้งที่สองก็รู้สึกสนุกดี
มา อ่านเจอใน Blog ของคุณหมอ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” เขาจัดให้เรื่องนี้อยู่อันดับต้นๆ ของหนังที่เขาชอบในรอบปีเลย เขาชอบประเด็นการค้นหาตัวตน
พอได้ชมครั้งที่ ๓ ก็เลยตั้งใจดู ก็ยังสนุกเหมือนเดิม ประเด็นการค้นหาตัวตน เราเป็นอะไรในโลกใบนี้ มีตัวตน มีคุณค่ามากแค่ไหน
มุกค้นหาตัวเองใน Google ก็เจ๋งดี ยังแอบไปคุยกับเพื่อนร่วมงานเลยว่าหากหาชื่อเราบ้างเชื่อว่าเจอ แสดงว่าเราน่าจะดีกว่าพระเอกนะ
เรื่องราวซับซ้อน สุดท้ายตัวร้ายก็เผยโฉมออกมา
การเดินเรื่องจะใช้ภาพไวๆ ตัดกันฉึบฉับ ทันใจดี หลายฉากเวอร์มาก
สุดท้ายดีที่สุดเราควรจะเป็นนายของตัวเอง ควบคุมแนวทางชีวิตของตัวเองให้ได้ แล้วให้อยู่ในจุดที่เรามีความสุขกับมันมากที่สุด
หาให้เจอนะครับว่าเราเป็นใคร
กรกฏาคม 7th, 2009 — ภาพยนตร์
กำกับ : Byron Howard, Chris Williams
เสียงพากษ์ : John Travolta (Bolt), Miley Cyrus (Penny)
ความยาว : ๙๘ นาที
ระดับความชอบ : ๗.๕/๑๐
เพิ่งได้ดูครับ เพราะลูกสาวเอ่ยปากอยากดู เลยเอามาดูเสียหน่อย
เปิดเรื่องง่ายๆ เดินเรื่องไวทีเดียว แล้วก็เข้าประเด็นเลย
สุนัข ชื่อ Bolt ถูกเลี้ยงให้เป็น Super Hero ปกป้องเจ้าของอย่างเต็มกำลังความสามารถ มีพลานุภาพเหนือสุนัขธรรมดา ยิงแสงเลเซอร์จากตา และมีท่าไม้ตาย Super bark
แต่แล้วเมื่อหลุดมาจากโลกมายา Bolt ก็ต้องพบกับความจริงที่ตัวเองไม่ได้เก่งกาจกว่าสุนัขทั่วไปเลย
แต่ทุกชีวิตมีคุณค่าในตัวเองเสมอ เป็นสุนัขแน่นอนต้องซื่อสัตย์และรักเจ้าของเสมอ ข้อนี้คนรักสุนัขทั้งหลายรู้ดี
แล้วสุดท้าย Bolt ก็ทำหน้าที่เป็น Hero ตัวจริง Super bark ก็ใช้ได้จริงๆ ดีครับฉากนี้
พูดถึงสุนัข คิดถึง มอม สุนัขของหม่อมคึกฤทธิ์ ในเล่ม เพื่อนนอน ที่ได้อารมณ์สุนัขดีแท้
โดยส่วนตัวก็มีประสบการณ์ดีๆ กับสุนัขเสมอมา
หลายคนก็คงมีเรื่องราวประทับใจกับสุนัขเหมือนกันนะ เล่าให้ฟังบ้างก็ดีครับ
แต่ สำหรับสุนัขพันธุ์ที่ไม่เหมาะต่อการเลี้ยง ก็อย่าเลี้ยงเลยครับ เพราะเขาไม่เหมาะจริงๆ พิจารณาให้ดีก่อนนำเขามาเป็นเพื่อนนะครับ อย่าให้เกิดข่าวไม่ดีเรื่องสุนัขอีกเลย
เพลงหลักที่ประกอบหนังเรื่องนี้ก็บอกเล่าเรื่องราวได้ชัดเจนดี
บ้านแม้จะเล็ก แต่หากเป็นที่อบอุ่น อยู่แล้วมีความสุขที่สุด ที่นั่นแหละครับเรียกว่าบ้านที่แท้จริง
หากทุกบ้านเป็นบ้านที่แท้จริง เปี่ยมรัก สังคมนี้จะดีขึ้นทันตาเลยครับ
ดูหนังเรื่องนี้แล้วอบอุ่นดีจัง เหมาะจะดูกันทั้งครอบครัวครับ
หนังครอบครัวรายล่าสุดเลยครับ ต่อจาก
My neighbor Totoro
กังฟูแพนด้า
มะหมาสี่ขาครับ เรื่องนี้ผมดูในโรงภาพยนตร์กับลูกๆ เลย
ดรีมทีม
The Little Mermaid
The Polar Express
Bee Movie
Ratatouille
ลองหามาดูกันครับ