กินหมูอย่านึกว่าหมู
อ่าน: 2359”กินหมูอย่านึกว่าหมู” โดย ภัทรพล คำสุวรรณ์
เมื่อวันอังคารที่ 8 กรกฏาคม 2551 เดินทางไปราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกจากที่ทำงานในกรุงเทพฯ โดยล้อเริ่มหมุนเมื่อ 07.00 น.
ถึงทุ่งสงเวลาประมาณ 18.00 น. โทรหาเพื่อนจรูญที่เรียนจบ ม.ศ. 3 จากโรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อปี พ.ศ. 2514 และมาตั้งรกรากที่ อ.ทุ่งสง โดยนัดพบกันที่ปั้มน้ำมันปตท.นอกเมืองทุ่งสง
เมื่อเจอกันแล้วก็ทักทายกันกอดกันนานเหมือนกันนะ…อิอิ เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน และแนะนำให้รู้จักกับทีมงานที่ไปราชการด้วยกัน
จากนั้นก็ให้เพื่อนขับรถนำทางไปร้านอาหารเย็นด้วยกันที่ในเมืองทุ่งสง บอกว่าให้พาไปร้านอาหารที่อร่อยที่สุดก็แล้วกัน
เพื่อนก็ขับรถนำเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเข้าเมืองทุ่งสง มาจอดที่ร้านอาหารจีนหน้าธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเพื่อนบอกว่าร้านนี้อร่อยและเก่าแก่ที่สุด
เมื่อเข้าไปนั่งภายในร้านอาหาร ซึ่งก็เป็นร้านอาหารจีนที่จัดบรรยากาศเหมือนร้านอาหารจีนสมัยก่อน ก็เริ่มต้นสั่งอาหาร ผมบอกเพื่อนว่า ” ในฐานะเพื่อนเป็นเจ้าของบ้าน ช่วยสั่งอาหารให้หน่อย” เพราะทีมงานที่ไปด้วยกันรวมถึงตัวผมด้วยถนัดในเรื่องกินอย่างเดียวสั่งไม่ถูก…หึหึ
เพื่อนก็เรียกเจ้าของร้านมาสั่งอาหาร อย่างแรกที่เพื่อนนำเสนอของอร่อยประจำร้านคือ”ขาหมู” พวกเราก็ตกลง (ซึ่งต่อมาทีมงานไปถึงร้านอาหารไหนก็สั่งขาหมูมารับประทานเพื่อเปรียบเทียบกับร้านนี้…ปรากฎว่าสู้ขาหมูที่ทุ่งสงไม่ได้สักร้าน…แฮ่ม…ไม่ได้โฆษณานะครับ) แล้วก็สั่งอาหารอย่างอื่นมาอีกสามสี่อย่าง
รออยู่ครู่หนึ่ง….อาหารอย่างแรกก็มา….ทุกคนอึ้ง !!!!!! ….เพราะเป็นขาหมูขนาดใหญ่มาก พวกเราหกคนน่าจะทานไม่หมด….แล้วอาหารอย่างที่สองสามสี่ก็ตามมาจนครบในเวลาอันรวดเร็ว…
พวกเราทุกคนเริ่มรับประทานอาหารด้วยความหวาดวิตกว่าขาหมูจะไม่หมด….ทุกคนจึงก้มหน้าเริ่มต้นอาหารอย่างแรกด้วยขาหมูและขาหมูในรอบสองสามสี่ จนขาหมูหมดโดยลืมตักอาหารอื่น เมื่อขาหมูหมดทุกคนอีกนั่นแหละก็เงยหน้าพร้อมกันแล้วยิ้มให้เห็นถึงชัยชนะ และช่วยกันจัดการอาหารอย่างอื่นจนหมดในพริบตาเช่นกัน….อิอิ…ก็กินอาหารเที่ยงที่หว้ากอ ประจวบคีรีขันธ์โน่น
เมื่อจัดการกับอาหารหมด ก็ได้มีเวลาว่างคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบกันนานพอสมควร ตอนท้ายก่อนแยกจากกันทุกคนก็ได้หัวเราะกันฮาใหญ่ เมื่อเพื่อนรูญซึ่งนั่งแคะฟันอยู่อย่างตั้งใจพูดขึ้นว่า
” เพื่อนเหอ(ครับ)…ไอเรานี่แก่ขึ้นครั้นนะ อะไหรไหร(อะไร ๆ )ก็ห่างหมด ขนาดฟันก็ยังห่าง กินไหร(อะไร)แต่ละทีก็แสนลำบาก แม้แต่กินหมูก็ได้หีด(นิด)เดียว กินเข้าไปหนึ่งกิโล ติดฟันเสียครึ่งกิโล..เฮ้อ..แล้วอิ(จะ)ทำไหรใครได้นิ “