สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว ตอนที่ ๒

Posted สิงหาคม 3rd, 2009 by bengnaja

บทที่ ๒
อันเมื่อบ้านเมืองเป็นวิบัติ หรือถึงคราที่จะเสื่อมสูญ ดับสูญลง มักปรากฎซึ่งอาเพศนานับประการ ดังปรากฎในเพลงยาวพยากรณ์ชะตากรุงศรีอยุธยา
…..
เดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด
อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล
เกิดนิมิตพิศดารทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดังเลือดนก
อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าจะวิ่งเข้าสิงเมือง
ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
…..
มิใช่เทศกลร้อนก็ร้อนระงม
มิใช่เทศกาลลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวหนาวก็พ้น
มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
…..
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ
นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าอันลอยก็จะถอยจม
…..
จะเป็นเมืองแพศยาอาทัน
นับวันก็จะเริ่มเสื่มสูญเอย
……

“พระเจ้าเลนเต้ด้อยความสามารถ มิได้ตั้งอย่ในโบราณราชประเพณี กาลวิบัติของฮ่องเต้องค์นี้เกิดจากข้าราชบริพารที่อยู่แวดล้อม มิได้เป็นคนดีมีศีลสัตย์ยึดคุณธรรม ฉาบหน้าล้วนวางท่ามีเกียรติ แฝงอุดมด้วยวาระซ้อนเร้น ยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง มิไดสนใจทุกข์สุขของประชาราษฏร์ ฮ่องเต้กับโฮเฮาอัครมเหสีรวมทั้งตังไทฮอพระราชมารดาคนสามัญ หลงเชื่อฟังเเต่พวกขันทีประจบสอพลอ ยกย่องขันทีให้เป็นใหญ่ในแผ่นดินยิ่งกว่าขุนนางทั้งปวง พระเจ้าเลนเต้ทรงมีอำนาจราชศักดิ์ แต่ทรงบริหารราชการแผ่นดินกับอำนาจที่พระองค์มีอยู่ไม่เป็น ที่ควรแข็งมิแข็ง ที่ควรอ่อนมิอ่อน อีกทั้งได้แม่ทัพชื่อโฮจิ๋น เป็นพี่ชายอัครมเหสีโฮเฮา มีรากเหง้ามาจากคนฆ่าสัตว์ขายหมู เป็นคนทึ่ม ไม่มีความรู้ทางการทหาร และการปกครองบ้านเมือง”
สามก๊ก ฉบับบริหาร
ศาสตรจารย์เจริญ วรรธนะสิน
หากจะกล่าวง่ายๆคือราชสำนักฮั่นยุคปลายนี้ล้วนมาจากคนสามัญทั้งฮ่องเต้ แม่ฮ่องเต้ มเหสี และแม่ทัพใหญ่ คนทั้งหมดนี้มาจากนอกราชสำนักดังนั้นการจะมีบารมีในราชสำนักต้องอาศัยขันที ที่มีเครือข่ายทั้งในวังและนอกวัง ทำให้ขันทีจึงมีอำนาจมากขึ้นจนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของการล่มสลายราชวงศ์ฮั่น
เมื่อความอดทนของประชาชนถึงขีดสุดการต่อต้านจึงบังเกิดขึ้น เฉกเช่นเมื่อครั้งเล่าปังปฐมฮ่องเต้เคยได้ลุกขึ้นสู้เพราะทนการกดขี่ของราชสำนักไม่ได้เพียงแต่การลุกขึ้นสู้ครั้งนี้มีผู้นำที่อ้างตนว่าเป็น ผู้วิเศษ
ครั้นนั้นที่เมืองกิลกกุ๋นเกิดโรคห่าระบาดหนัก มีคนป่วยเป้นอันมาก ชายผู้หนึ่งอ้างตนเป็นผู้วิเศษเที่ยวแจกยันต์ตามบ้าน ให้ติดไว้ที่หน้าบ้าน พลันแล้วอาการระบาดก็ทุเลาลง ชายผู้นั้นจึงได้รับการสรรเสริญจากชาวบ้านทั้งปวงเป็นอันมาก ชายผู้นี้คือ เตียวก๊ก
เตียวก๊กเห็นว่าราชสำนักอ่อนแอ ใกล้ถึงวันอวสาร จึงคิดการหมายชิงแผ่นดิน เตียวก๊กป่าวประกาศไปยังศิษย์ที่มีอยู่ทั่วไปในแปดหัวเมืองว่า แผ่นดินนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วจักต้องมีผู้มีบุญลงมาครองแผ่นดินใหม่ ประชาจักต้องอยู่เย็นเป็นสุข พร้อมทั้งประกาศสโลแกนว่า ฟ้าครามสิ้นแล้ว ฟ้าเหลืองขึ้นแทน ปีชวดนี้แล ใต้ฟ้ารุ่งเรือง
ชาวบ้านที่ทนการกดขี่ของขุนนางชั่วช้าในท้องถิ่นไม่ได้ต่างเข้าร่วมกลุ่มกบฎของเตียวก๊กเป็นอันมาก เตียวก๊กเองชอบโผกผ้าสีเหลืองเป็นสำคัญ [...]

Continue reading “สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว ตอนที่ ๒” »


สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว บทที่๑

Posted กรกฏาคม 1st, 2009 by bengnaja

“ขุนนางถือราษฎรดั่งหนึ่งอริราชศัตรู ขูดรีดภาษีอากรโหดร้ายยิ่งกว่าเสือ”
ถ้อยบันทึกวรรคหนึ่งในพงศาวดารจีนที่บรรยายความโหดร้าย ความทุกข์ยากของประชาชน เหล่าขุนนางที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนประเทศชาติ มีหน้าที่ปัดเป่าความทุกข์ยากสาหัสของประชาชน กลับกลายเป็นผู้นำมาซึ่งความทุกข์ยากสาหัสของประชาชน เคยมีคำกล่าวว่า ฮ่องเต้ก็คือเรือ ประชาชนก็คือน้ำ น้ำทำให้เรือทรงตัวอยู่ได้แต่น้ำก็จมเรือได้เฉกเช่นกัน ในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นแม้ว่าน้ำพยายามจะคว่ำเรือแต่ก็คว่ำไม่ได้ เพราะเหตุใดกัน? เหม็นโฉ่วจึงอยากเพิ่มคำว่า ขุนนางคือฝีพาย แม้ว่าน้ำเชี่ยวกราดเพียงใดถ้าฝีพายดีก็จะนำพาเรือลำนั้นฝ่าคลื่นลมไปได้ แต่ถ้าเรือลำนั้นมีรูรั่ว พุ เกิดรอยซึมขึ้นมา ฝีพายที่ดีก็จะอุดรอยรั่วนั้นได้ แต่หากรอยรั่วนั้นยากเกินเยียวยารักษาไว้ เรือลำนั้นก็จะจมลง ไม่มีทางที่จะงมขึ้นมาได้อีกครั้ง….
เหม็นโฉ่วเองก็อยากฝากไปถึงผู้ปกครองทั้งหลาย ข้าราชการทุกๆท่าน เรือที่ชื่อว่าประเทศไทยยังคงต้องลอยลำต่อไป เหม็นโฉ่วเองก็เป็นเพียงน้ำหยดเล็กๆหยดหนึ่งที่จะช่วยประคับประคองเรือลำนี้ แม้ว่าคลื่นน้ำจะแรงเพียงไหน ถ้าหากฝีพาย และพันท้ายเรือ ช่วยกันเหม็นโฉ่วเชื่อว่าฟ้าหลังฝนนั้นดีเสมอ และไม่ว่ายังไงน้ำก็ยังเป็นน้ำ น้ำจะรักษาระดับของตัวเอง แม้จะมีน้ำเสียบ้างแต่ยังไงน้ำที่ดีกว่าก็จะเข้าไปสลายน้ำเสียอย่างแน่นอน แต่ฝีพายจะทำอะไรจะพายอย่างไรก็ให้นึกถึงน้ำด้วย อย่าทวนน้ำนัก
นับตั้งแต่เกาจู่เล่าปังสถาปนาราชวงศ์ฮั่นมา ก็นับได้ว่าความวุ่นวายของราชสำนักตั้งแต่ยุคพระเจ้าเลนเต้เป็นต้นมาเสื่อมโทรม อย่างที่สุด รัชสมัยพระเจ้าฮวนเต้ พระองค์ไม่มีรัชทายาทจะให้สืบไว้ซึ่งราชบัลลังค์ จึงไปของเด็กชายตัวน้อยๆ คนหนึ่งมารับเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรม เด็กน้อยนั้นก็คือเลนเต้ จะนับได้ว่าราชวงศ์ฮั่นนั้นที่สืบสายเลือดมาจากเล่าปังทางตรงก็คงจะสิ้นบุญลงไป แต่ก็คงไว้แต่ในนาม พระเจ้าเลนเต้แทนที่จะสำนึกคุณชาติกลับทำตัวเป็นดั่งหมาป่าหิวโหย เอาแต่เสวยสุข และเปิดทางซื้อขายตำแหน่งขุนนางอย่างเปิดเผย เบื้องหลังความวิปริตของราชสำนักนั้นก็คงไม่พ้น ก.ส.ข.ท.ก.ฮ. ชื่อเต็มๆคือ กลุ่มสิบขันทีใกล้ชิดฮ่องเต้ (ไม่รู้จะย่อทำไม??) ตัวเลนเต้เองก็ยังไม่รู้ตัวว่าความหายนะกำลังคลืบคลานเข้ามาเอาแต่ร่ำสุรา นารี ก.ส.ข.ท.ก.ฮ. ก็เพ็ดทูลแต่สิ่งดีๆว่าอาณาประชาราษฏร์เป็นสุข ไพร่ฟ้าหน้าใส….
….
แผ่นดินวุ่นวายไร้เสาค้ำฟ้า
สงสารก็แต่เหล่าปวงประชา
บ้านเมืองฉิบหายวุ่ยวานหนักหนา
ตี้หลงสุราน่าสงสารจริง
…. [...]

Continue reading “สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว บทที่๑” »


สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว

Posted มิถุนายน 29th, 2009 by bengnaja

 
 
สรรพสิ่งในใต้ฟ้าเมื่อแยกกันนานๆก็กลับเข้ารวม
เมื่อรวมกันนานก็กลับแบ่งแยก
ด้านบนนี้คือสัจธรรมอย่างแรกที่ได้จากการอ่านสามก๊ก เป็นความจริงที่ยืนยงมายังปัจจุบัน แผ่นดินจีนที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน กว่า 5,000 ปีไม่มีใครไม่รู้จัก สามก๊ก ประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น รัชสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ ซึ่งเหล่าขุนศึกต่างรบราฆ่าฟันกันเพื่อคำว่าอำนาจ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ผลจากการรบราฆ่าฟันทำให้แผ่นดินคลุ้งกลิ่นคาวเลือด เหม็นกลิ่นซากศพ ไปทั่วสนองตัณหาของขุนศึกที่ต้องการอำนาจนั่นเอง .. .. …
หลังจากยุคชุนชิว - จ้านกว๋อ
ราชสกุลอิ๋งฉินครองความเป็นใหญ่ในใต้ฟ้า
รวบรวมไพร่พลปราบปรามหกแคว้น
กำจัดอ๋องทั้งหกจึงทำให้ใต้ฟ้ามีอ๋องเพียงองค์เดียวคือ
ฉินอ๋องเจิ้ง
ด้วยพระเดชที่ทรงอานุภาพทำให้ตำแหน่งอ๋องไม่สมเกียรติ
ทรงตั้งตนเป็นฮ่องเต้พระนามว่า จิ๋นซีฮ่องเต้
นับแต่นั้นมาใต้ฟ้านั้นก็บังเกิดฮ่องเต้พระองค์แรกในนาม
ราชวงศ์ต้าฉิน
แต่แล้ว
เพียงเวลาสิบห้าปีราชวงศ์ฉินมีอันต้องล่มสลาย
ฮั่นอ๋องเล่าปังผู้มีพระคุณล้นฟ้ากับฉู่ป้าอ๋องผู้มีพระเดชท่วมดิน
กรำศึกแย่งอำนาจไพร่ฟ้าเดือดร้อน
ครั้นศึกครั้งสุดท้ายฮั่นอ๋องมีชัยเหนือฉู่อ๋อง
สถาปนาราชวงศ์ต้าฮั่น
เถลิงพระนามฮั่นโกโจฮ่องเต้
สืบราชวงศ์มาอีกสิบสองฮ่องเต้
ครั้นแล้วเกิดขบถชิงราชสมบัติ
ฮั่นกองบู๊กอบกู้ราชสมบัติคืนมา
สืบราชสมบัติมาอีกสิบสองฮ่องเต้
ราชวงศ์ฮั่นจึงล่มสลาย
…ใต้ฟ้าแบ่งเป็น…
สามก๊ก

Continue reading “สามก๊ก ฉบับเหม็นโฉ่ว” »




Note: This is the end of the usable page. The image(s) below are preloaded for performance only.