กราบระลึก หลวงตาพระมหาบัว
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรราชธานี ได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 03.53 น. สิริอายุรวม 98 ปี ข้าพเจ้าขอกราบระลึกถึงพระคุณของหลวงตาและขอกราบขอขมาหากได้มีการล่วงเกินใดๆไม่ว่าทางมโนกรรม และวจีกรรม และขอคัดลอกเนื้อหาที่ได้รับจากฟอร์เวิร์ดเมล์เกี่ยวกับหลวงตามหาบัว เพิ่มเติม
==================================================================================================
ลูกขอกราบแทบเท้าหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ด้วยเศียรเกล้า
ลูกขอน้อมนำธรรมนี้เผยแผ่ เพื่อยังประโยชน์แก่โลก แก่พระพุทธศาสนา
เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา อาจาริยบูชา
ขอธรรมนี้จงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านผู้ศึกษาทั้งหลาย จงหยั่งลงในใจให้เกิดธรรม
เกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นแจ้งในธรรม ตามเหตุปัจจัย ตามปัญญาของแต่ละท่านพึ่งสั่งสมมาเถิด
*******************************************
๑
“…สมบัติอะไรก็ตามในโลกนี้ สู้ธรรมสมบัติภายในใจไม่ได้
สมบัติภายในใจเลิศเลอสุดยอด
ขอเพียงให้ใจกับธรรมได้สัมผัสกัน มันจะแสดงฤทธิ์เดชเป็นที่อัศจรรย์
เมื่อ “หัวใจได้ความสง่างาม” แล้ว
อยู่ใต้ร่มไม้ร่มใด ภูเขาลูกใด ถ้ำหรือเงื้อมผาแห่งใด
สถานที่แห่งนั้นย่อมพลอยสง่างามตามไปด้วย
“สติ” นี่เองจะเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ไขไปสู่ประตูพระไตรปิฏกภายใน เพื่อเปิดเข้าไปสู่ประตูพระนิพพาน…”
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจาก คำปรารภ ในหนังสือ ๒๘ พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินธทร์ ๒๕๕๒ : หน้า ๗
๒
“…ผู้ปฏิบัติจงตั้งสติและปัญญาให้เข้าใกล้ชิดต่อนามธรรม คือขันธ์สี่นี้
ทุกขณะที่ขันธ์นั้นๆ เคลื่อนไหว คือ
ปรากฏขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ประจำตน…
ขันธ์ทั้งห้าเป็นบ่อหลั่งน้ำตาของสัตว์ผู้ลุ่มหลงนั่นเอง
การพิจารณาให้รู้ด้วยปัญญาชอบในขันธ์ และสภาวะธรรมทั้งหลาย
ก็เพื่อจะประหยัดน้ำตาและตัดภพชาติให้น้อยลง
ให้ได้รับสุขอย่างสมบูรณ์นั้นเอง…”
ปัญญาอบรมสมาธิ : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ปัญญาอบรมสมาธิ (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๙-๓๐
๓
“…จิตที่บริสุทธิ์นี้ฟอกขันธ์ ฟอกธาตุฟอกขันธ์
ฟอกโดยหลักธรรมชาติฟอกอยู่อย่างนั้น
แล้วเวลาเข้าที่เดินจงกรม นั้งสมาธิภาวนา จิตส่งเข้าข้างในนี้ยิ่งเป็นการฟอก
ภาวนาเท่าไรก็ยิ่งฟอกเข้าไปเรื่อย ๆ มันสะอาด
ในเวลาตายแล้วอัฐิก็กลายเป็นพระธาตุได้
แต่ถ้าหากว่าท่านอธิษฐานไม่ให้เป็นพระธาตุนี้อาจไม่เป็นนะ
มันก็ไม่แน่นักนะ เพราะจิตของท่านมีอำนาจนี่…”
เพชรน้ำหนึ่ง (๑๓ ตุลาคม ๒๕๓๙) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ เพชรน้ำหนึ่ง ๒๕๔๐ : หน้า ๙๔.
๔
“…ไปที่ไหนทุกวันนี้มักจะเทศน์ทางภาวนา เพราะความสงสาร
อยากให้ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ไว้ในจุดภาวนา
ถึงจะไม่ได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์
การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่าการสร้างบุญทั้งหลายนะ
จะได้สร้างสมบุญตลอด จะรู้เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรก็ตาม
ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา เป็นฐานรากสำคัญ และมีอานิสงส์มากด้วย
จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทำภาวนา บำรุงลำต้นให้ดี
กิ่งก้านสาขาดอกใบ จะแตกกระจายออกไป …”
ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ จิตตภาวนา ๒๕๕๒ : หน้า ๕๐
๕
“…สติเป็นของสำคัญมากในทางความเพียร
ถ้าขาดสติวรรคใดตอนใด เรียกว่าขาดความเพียรแล้ว
เดินจงกรมอยู่ไม่มีความหมาย นั่งสมาธิอยู่ก็ไม่มีความหมาย
อิริยาบทต่าง ๆ ถ้าขาดสติแล้ว
เรียกว่าขาดความเพียรในการชำระกิเลส
มีสติกำกับอยู่เท่านั้น
เรียกว่าเจริญภาวนาเพื่อทำจิตให้สงบ…”
ฝากมรดก (วัดแพร่ธรรมาราม) ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ญาณสันปันโนบูชา ๒๕๕๒ : หน้า ๔๑
๖
“…ถ้านักบวชเราปฏิบัติตนไม่ได้แล้ว ไม่มีใครจะไปได้อย่างง่ายดาย
เพราะนักบวชนี้โอกาสอำนวยทุกอย่าง
ทุกสิ่งทุกอย่างโลกเขายอมรับหมด
ยังถือเป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่ยึดที่เกาะอีกด้วย
ถ้าใครมีความเพียรมากมีความเด็ดเดียวอาจหาญทางหลักธรรมหลักวินัยเท่าไร
ก็ยิ่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสของประชาชน
ถ้าเราปฏิบัติต่อธรรมเหล่านี้ไม่ได้แล้ว
มันก็หมดหนทางที่จะก้าวออกจากกองทุกข์ทั้งหลายได้…”
เรื่องของกิเลส (๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ อะไรจริงยิ่งกว่าธรรม ๒๕๓๗ : หน้า ๗๑.
๗
“…มัคคาวรณ์ สัคคาวรณ์ (สิ่งกีดขวางสวรรค์ นิพพาน) ไม่มี
เพศตั้งขึ้นแล้ว ทางสังคมยอมรับกันทั้งธรรมยุติ และมหานิกาย
นี่เป็นความยอมรับกันทั่วหน้ากันแล้วในสังคม
ส่วนธรรมวินัยก็เป็นที่เปิดทางให้แล้วสำหรับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ไม่มีคำว่านิกายนั้นนิกายนี้
ขอให้เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเท่านั้น
เป็นศากยบุตรของพระพุทธเจ้าได้เสมอหน้ากันหมด…”
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ หยดน้ำบนใบบัว พิมพ์ครั้งที่ ๑๕ : หน้า ๑๖๕.
๘
“…เราเป็นนักบวช มีความมุ่งหวังอย่างแรงกล้า
มุ่งหน้าต่อมรรคผลนิพพาน
จงเห็นงานประจำเพศและความประสงค์ของตน
คืองานเพื่อนิพพาน ว่าเป็นงานจำเป็นเหนือชีวิต
เพราะงานนี้เป็นงานเพื่อไปแล้วไม่กลับมา ผลที่เกิดจากงานนี้คือ วิมุตติ
หลุดพ้นไปแล้วหมดความวกเวียน
โปรดพากันพากเพียรจนสุดกำลังของตน
จะต้องเห็นผลเป็นประจักษ์ใจ ในวันนี้วันหน้าไม่ต้องสงสัย…”
เทศน์ในที่ประชุมสงฆ์ วัดป่าบ้านตาด ๒๑ กันยายน ๒๕๐๕ :
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ทางร่มเย็น ๑๕๓๗ : หน้า ๑๒๑.
๙
“…ความทุกข์เพราะงานทั้งหลายที่ผ่านมา ไม่มีทุกข์ใดมากยิ่งกว่างานฆ่ากิเลส
งานนี้ยอมรับว่าทุกข์มากจริง ๆ
แต่เวลาตีผ่านมันไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเลิศยิ่งกว่า
พูดง่าย ๆ ก็ว่ามันคุ้มกัน ไม่ได้เสียดายกำลังเลย ที่ร่างกายทรุดโทรมมานี้ผมก็รู้
อย่างท้องเสียเป็นต้น ผมก็ทราบเรื่องของมัน
นิสัยผมมันหยาบและผาดโผนจริงจังกับทุกข์อย่าง ไม่มีคำว่าพอดี
ฉะนั้น เวลาประกอบความเพียรฆ่ากิเลสจึงผาดโผนไปตามนิสัย
ไม่งั้นก็ไม่ทันกับความหยาบที่เป็นฝ่ายต่ำของตน…”
ศาสนาคือน้ำดับไฟ (๒๓ กรกฏาคม ๒๕๒๔)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ทางพักใจ ๒๕๒๔ : หน้า ๖๙.
๑๐
“…การฆ่ากิเลสทุกประเภท เราพูดได้อย่างเต็มปากว่า
ต้องใช้ปัญญาทั้งมวล สมาธิเป็นแต่เพียงว่าตะล่อมกิเลสให้เข้าสู่จุดรวมตัว
ไม่ฟุ้งซ่านรบกวนใจเท่านั้น
ที่เรียกว่าจิตสงบ ก็คือกิเลสมันนอนก้น
เหมือนกับตะกอนนอนก้นโอ่ง นอนกองอยู่ในนั้น
แล้วจะปฏิบัติต่อตะกอนอย่างไรบ้าง
นั่นเป็นอีกแง่หนึ่ง นั้นเป็นเรื่องของ ปัญญา…”
นิพพานมิใช่อัตตา มิใช่อนัตตา (๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๓)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ นิพพานคือนิพพาน (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๖.
๑๑
“…นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ ความรักอันเสมอด้วยตนไม่มี
นี่เป็นบทธรรมที่ซึ่งมาก
เข้ากันได้กับเจตนาของทุกท่านที่มุ่งมาปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
เพราะความรักตนเป็นเหตุให้เสาะแสวงอรรถธรรมจากตำหรับตำรา
จากครูจากอาจารย์ ได้ทราบข่าวว่าครูอาจารย์องค์ใด
จะเป็นที่ให้ความร่มเย็นเป็นคติเครื่องเตือนใจ
เป็นอุบายพร่ำสอนเราได้ ย่อมเสาะแสวงหาครูอาจารย์องค์นั้น ๆ
เป็นธรรมดาของความรักตน…”
ความรักเสมอตนไม่มี(๑๐ กรกฏาคม ๒๕๒๓)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ความรักเสมอตนไม่มี (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๖.
๑๒
“…จวนตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงโลกมากสงสารโลกมาก เป็นอยู่ในหัวใจนี่
ท่วมท้นล้นฟ้าล้นแผ่นดิน อำนาจแห่งเมตตา
พระพุทธเจ้าท่านสอนโลกสอนด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีโลกามิสอะไรเข้าเจือปนเลย
มันรู้ชัดนี่ รู้ชัดในหัวใจของเราซึ่งตัวเท่าหนูนี่ มันรู้นี่ มันไม่ได้หวังอะไรในโลกนี้
ไปไหนมาไหนไม่ได้หวังอะไรแหละ หวังแต่หัวใจโลกเท่านั้น
สงเคราะห์สงหาไปตามกำลังความสามารถของเรา
ตัวของเราเองเราไม่ได้หวัง เราพอเสียทุกอย่างก็บอกพอ
มันพออยู่นี้ประจำจะว่าไง พอเป็นอนันตกาล
นิพพานเที่ยงจะผิดไปไหนเมื่อหัวใจพอแล้ว นิพพานเที่ยงเท่านั้นเอง…”
พูดเสียบ้าง ไม่ใช่คุย (๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๐)ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ พูดเสียบ้าง ไม่ใช่คุย (๒๕๔๑) : หน้า ๒๘.
๑๓
“…ถ้าพูดถึงเรื่องของใจเรา เราก็บริสุทธิ์เต็มที่แล้ว หากิเลสตัวใดมาแทรกไม่มีแล้วเวลานี้
ถึงจะประกาศเป็นว่าเรานี้คือพระอรหันต์ก็จะผิดไปไหนถ้าจะพูด
พระพุทธเจ้ายังพูดได้ ครั้งพุทธกาลยังพูดได้
ธรรมอันเดียวกัน ผู้รู้ผู้เห็นธรรม ธรรมแบบเดียวกัน ทำไมเราจะพูดไม่ได้
กิเลสตัวไหนจะมาเย็บปากหลวงตามหาบัวให้มาเย็บ เราจะฟาดให้มันหงายลงไปเลย
เราปฏิบัติ เราแทบเป็นแทบตาย เราก็รู้ของเรา ผลเราได้มากน้อยเพียงไรเรารู้ของเรา
ความบริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้นเราก็เห็นในหัวใจของเราแล้วจะนำออกมาพูดไม่ได้เหรอ
จะใหเกิเลสเย็บปากหมดเหรอ ไม่เชื่อถือกันหาว่าโอ้อวดหรือ…”
พระอรหันต์แห่งประวัติศาสตร์ (๓ กันยายน ๒๕๔๑)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลก (๒๕๔๑) : หน้า ๑๕๓.
๑๔
“…ฟังให้ชัดเสียท่านทั้งหลายมาฟังธรรมเรา เราปฏิบัติมา
ไม่ปฏิบัติมาเพื่อโกหกท่านทั้งหลาย
อะไรในโลกอันนี้จะเหนือธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน นี่ละ เลิศเลออยู่ตรงนี้
นินทา สรรเสริญ โลกธรรม ๘ ไม่มีในจิตของพระอรหันต์
มันตกไปเองเหมือนหยดน้ำลงใบบัว
ตกพับไหลกลิ้งไปเลย ๆ ไม่ขึมขาบกัน
นี่ละจิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้วกับโลกทั้งหลาย…”
ธรรมธาตุ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๐) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ธรรมเปิดโลก (๒๕๔๒) : หน้า ๑๑๘-๑๑๙.
๑๕
“…จิตเป็นธรรมชาติไม่มีกาลสถานที่เป็นเวล่ำเวลา
เป็นธรรมชาติที่รู้อยู่ตลอดเวลาฉันใด สภาพทั้งหลายซึ่งจะเป็นของมีอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเปิดใจออกรับกันแล้ว ทำไมจะรู้จะเห็นไม่ได้ ว่าใจจะหยั่งไม่ถึง มีที่ไหน
อะไรจะละเอียดแหลมคมยิ่งกว่าใจ
ขอให้ปรับใจให้ถึงเถิด ไม่เคยรู้ก็รู้ ไม่เคยเห็นก็เห็น
แต่จะพูดออกมาเสียทุกแง่ทุกมุมไม่คำนึงถึงเหตุถึงผลนั้น ไม่ใช่เรื่องของผู้รู้
ไม่ใช่เรื่องของปราชญ์ ไม่ใช่เรื่องของผู้รู้โดยอรรถโดยธรรม
ไม่ใช่ผู้ทรงธรรมโดยหลักธรรมชาติแท้ อันเป็นความสำคัญ…”
ความลึกลับซับซ้อนของจิตวิญญาณ (๑๒ เมษายน ๒๕๓๐)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ รุกขมูลเข้าป่า-เข้าเขา (๒๕๔๔) : หน้า ๒๗.
๑๖
“…ความสุขทุกข์ในทางโลกใครโกหกกันไม่ได้
เพราะใครก็มีเครื่องรับ(อายตนะ) เหมือนกัน และจะสุขทุกข์จะต้องผ่านอายตนะด้วยกัน
รู้ด้วยกัน เห็นสุขทุกข์ด้วยกัน ที่สุดของสุขทุกข์ ก็แค่ตายเท่านั้น
ไม่มีใครสามารถเลยไปได้ ถ้าผู้มีบุญอันได้สร้างไว้ดีแล้ว
ผู้นั้นแล จะมีโอกาสได้เห็นสุขแลทุกข์เยี่ยมกว่าโลกเขาเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป
จนสามารถข้ามแดนแห่งทุกข์ ถึงบรมสุขคือ พระนิพพานได้แน่
ฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นทางข้ามแดนแห่งทุกข์ได้โดยสวัสดี
ขอให้พากันอุตสาหะพยายามตามรอยพระพุทธเจ้าเสด็จไป
จะเห็นแดนแห่งความอัศจรรย์ในวันหนึ่งแน่ เอวํ…”
ธรรมะในลิขิต (ฉบับที่ ๓๙)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ธรรมะในลิขิต (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๖๑-๖๒.
*********************************************************************
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทธรรมคำสอนนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใฝ่ศึกษาธรรมได้ไม่มากก็น้อย
ขออานิสงส์ในเผยแผ่ธรรมนี้จงเป็นมหาธรรมทาน เพื่ออบรมหนทางความดับสิน ไม่มีเหลือเชื้อแห่งอาวสะกิเลสตน
แด่ผู้ใฝ่ในธรรม และผู้เคารพเลื่อมใสองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอส่งผลบุญกุศล อันเกิดจากการนี้ ขออุทิศให้ พ่อเกิดแม่เกิด ครูอุปัชฌาย์อาจารย์สืบๆ ต่อกันมา
ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรในทุกภพทุกชาติ ที่ข้าพเจ้าได้เคยสบประมาท และมีสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
จงโมทนาบุญ และอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า พร้อมนี้ขอให้ท่านทั้งหลายพึงปราศจากทุกข์และมีสุข
เกิดปัญญาญาณยิ่งๆ ขึ้นไป ณ กาลบัดเดี่ยวนี้ด้วยเทอญ
*********************************************************************
***ศึกษาธรรมจบแล้วอย่าลืมอธิฐาน แผ่เมตตา เพียงเท่านี้ ในวันนี้ท่านก็ได้ทำบุญแล้ว***
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะฐาเน สุปะติฏฐิตัง สารีรังคะธาตุ
มะหาโพธิง พุทธะรูปัง สักการัตถัง อะระหังวันทามิ สัพพะทา
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
พุทโธ อะโหสิ ธัมโม อะโหสิ สังโฆ อะโหสิ สาธุ สาธุ สาธุ
************************************
อะหัง สุขิโต โหมิ, นิททุกโข โหมิ, อะเวโร โหมิ, อัพพะยาปัชโฌ โหมิ,
อะนีโฆ โหมิ, สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ นิพพาน ปัจจโย โหตุ
ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าทุกดวง จงมีแต่ความสุข ความเจริญทั้งทางโลก ทางธรรม
ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าทุกดวง จงปราศจากความทุกข์ยาก ลำบากกาย ลำบากใจ
และอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง จงปราศเคราะห์กรรมเหล่าเวร และเป็นผู้ไม่เบียดเบียนพยาบาท
ไม่อาฆาตจองเวรข่มเหงคะเนงร้าย ต่อผู้อื่นผู้ใดอีกต่อไป
ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าทุกดวง จงได้มีดวงตาเห็นธรรม ได้รับรู้หนทางหลุดพ้น
จากความทุกข์ทั้งปวง ให้เจริญไปด้วยสติปัญญาญาณบารมีและให้ได้บรรลุถึงซึ่งโลกกุตตรธรรมเก้า
ตราบถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
สัพเพ สัตตา สะทาโหตุ อะเวรา อัพญาปัชฌา สุขะ ชีวิโณ
ขอให้สัพพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ที่สละชีวิต ไม่ว่าด้วยถูกขืนใจ เข่นฆ่าหรือไม่ก็ดี
ที่ข้าพเจ้าได้นำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อการดำรงชีวิตของข้าพเจ้า
ขอให้ท่านทั้งหลายทั้งปวงหลุดพ้นจากความทุกข์
อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
ขอให้ท่านทั้งหลายจงดำรงค์ชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง พะลังมัยหัง สัพเพภาคี ภะวันตุเต
ขอให้สัพพสัตว์ทั้งหลาย พึงมีส่วนได้เสวยผลบุญที่ข้าพเจ้า
ได้ตั้งใจกระทำด้วยกาย วาจา ใจ แล้วนั้น จงทุกท่านทุกดวงจิตเทอญ
สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนทรงพระกำลังทั้งสิ้น พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายก็มีกำลังเช่นเดียวกัน
ขอท่านทั้งหลายจงผูกอำนาจแห่งกำลังเหล่านั้น ไว้เป็นเครื่องคุ้มครอง รักษาตัวท่าน ฯ
เต อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธะสาสะเน
อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ
ขอพวกท่านทั้งหลายพร้อมทั้งหมู่ญาติ ผู้ได้ประโยชน์มีสุขเจริญงอกงามในพระศาสนา
จงปราศจากโรคาพยาธิ มีความสุขทุกคนเทอญ…
สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งปวง ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ
ขอโมทนา มหาโมทนาบุญทุกท่านในการศึกษาธรรม เพื่ออบรมปัญญานี้
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมใดที่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโนได้บำเพ็ญแล้ว ปฏิบัติแล้ว
ที่เป็นบุญเป็นกุศล ด้วยกาย วาจา จิต ลูกขอโมทนาซึ่งส่วนกุศลเหล่านั้น
ขอให้ลูกเป็นผู้ไม่ประมาท ปฏิบัติธรมข้อให้รู้แจ้งซึ่งธรรมทั้งปวง
ขอให้เป็นผู้สว่างไสวในบวรพระพุทธศาสนา ตลอดสิ้นกาลนาน
ตราบถึงที่สุดแห่งบรมสุข คือถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
อิทํ เม ธมฺมทานํ ปริสุทธิทานํ อาสวกฺขยาวหํ นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ
สาธุ สาธุ สาธุ มหาโมทามิ
Credit and thanks to :-
นายกันต์ธรธารา(กร) ตรีเนตรสุวรรณ
ชมรมพุทธศาสตร์
บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทยจำกัด
ส่วนวิศวกรรมและโครงการ
33/1 ม. 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค
จ.สระบุรี 18230
มือถือ 089-141-7589
โทร.036-382-888 ต่อ 349
โทรสาร. 036-382905
E-mail (1) : tharakot@scg.co.th
E-mail (2) : tharakot@yahoo.com
นึกถึงปี 2540 ค่ะ ได้ไปกราบท่านที่วัดป่าบ้านตาดเพื่อสมทบทองช่วยชาติ ซึ่งในวันนั้นได้ปลดสร้อยข้อมือที่ใส่ติดตัวมาตลอดถวายหลวงตาด้วยความยินดียิ่ง และพักค้างที่นั่นพร้อมลุงๆป้าๆกลุ่มมิตรแก้วสหายคำของแม่
หลวงตาให้พักที่ชั้นบนของศาลาวัดป่าบ้านตาด ประทับใจมากๆเลยล่ะค่ะ ได้นอนมุ้งที่คงจะใหญ่ที่สุดในโลก เพราะนอนกันสิบคนได้เลย และยังมีที่เหลืออีกเยอะมาก
หลับสนิทอย่างมีความสุข และลุกตื่นตั้งแต่ตีสี่เพราะท่านเคาะระฆัง ช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถูศาลากันสนุกสนาน เจอไม้กวาดอันเบ้อเริ่มก็ที่นี่แหละค่ะ (ประทับใจอีกแล้ว เพราะสิ่งของที่ได้ใช้ไม่ใช่สิ่งที่มีขายทั่วไป แสดงว่าศรัทธาที่มีต่อหลวงตามหาศาลถึงขนาดทำกับมือเพื่อถวายท่าน ให้คนไปวัดได้ใช้สะดวกดาย)
ตอนที่ท่านมาเชียงรายมีโอกาสได้กราบ ถวายปัจจัยและทองสมทบ ชอบและปิติที่ท่านตอบญาติโยมที่นิมนต์ท่านไปบ้านว่า”อาตมาไม่ไป” เพราะไม่ใช่กิจที่อาตมาตั้งใจมา อาตมาตั้งใจไปทุกจังหวัดในประเทศไทยเพื่อรับบริจาคช่วยชาติเท่านั้น..ปฏิปทาท่านน่าเคารพนักค่ะ
กราบส่งหลวงตาด้วยความเคารพศรัทธายิ่งค่ะ และจะปฏิบัติตามคำสอนขององค์ท่านตลอดไป
อนุโมทนาสาธุค่ะคุณน้ำฟ้าและปรายดาวที่ได้ทำบุญกับท่านหลวงตาพระมหาบัว พระสุปฎิปัณโณของไทย