รายได้หลักของประชากรทางภาคใต้ คือ รายได้จากยางพารา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ราคายางพาราอยู่ที่ 92.85 บาทวันนี้ 16 ตุลาคม 2551 อยู่ที่ราคา 45.40 บาท นั่นก็หมายความว่ารายได้ขาดหายไปครึ่งหนึ่ง คนที่ได้เดือนละหมื่นก็จะเหลือเดือนละห้าพัน
ตอนที่ผมกลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ ช่วงต้นปี 50 ผมได้พูดกับพ่อแม่และคนแถวบ้านไว้ว่า อย่าไปหวังอะไรกับราคายางพาราให้มากนัก ภาคอีสาน เวียดนาม จีน เขาปลูกยางกันหมดแล้ว ราคายางลดลงเหลือกิโลกรัมละ 20 บ. แล้วจะทำยังไง คำพูดของผมตอนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเพราะยางราคาดีอยู่
ที่ผมพูดออกไปผมแค่ต้องการสื่อให้เพื่อนบ้านรู้ว่าอย่าให้มีรายได้ทาง เดียว อย่าปลูกยางอย่างเดียว หรือถ้ามีรายได้ทางเดียวแต่ให้ลดการใช้จ่าย นั่นคือปลูกสิ่งที่จะกินเป็นอาหารไว้กินบ้าง เพื่อลดรายจ่าย ยางราคาดี เครื่องแกงที่เคยตำเองก็ไม่ตำแล้วซื้อเขา จะทำน้ำพริก พริกสดก็ต้องซื้อเขา ตะไคร้ก็ซื้อ ใบมะกรูดก็ซื้อ สารพัดที่จะซื้อ การที่ราคายางลงแล้วเดือดร้อนถ้ามองตามหลักปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง ผมมองว่าไม่มีภูมิคุ้มกัน ถ้ามีภูมิคุ้มกันต้องไม่มีรายได้ทางเดียว และต้องพึ่งตนเองในด้านอาหารลดการซื้อ อะไรที่ปลูกเองได้ก็ปลูก
กลับมาที่เพื่อนบ้านอีกทีครับจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้มีรายได้จากสวนยางอย่างเดียวนะครับ เขามีรายได้จากการพนันอีก อันนี้ไม่ใช่ความพอเพียงแน่นอน เสร็จจากกรีดยาง ไม่ไพ่ ก็ไฮโลเห็นอยู่ทุกวัน ก็เรื่องของเขาครับ ผมไม่เคยยุ่ง ไม่เคยว่าอะไรเขา แต่เห็นแล้วเศร้าใจ ไม่รู้จะทำอะไรให้เขาหลุดออกมาจากวงจรเหล่านั้น
ราคายางลดมีผลกระทบกับเกษตรกรแน่นอน แต่จะทำอย่างไรให้เกษตรอยู่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องคิด ต้องช่วยตัวเองก่อน ก่อนที่จะให้คนอื่นเขามาช่วยครับ