ลาน นนท์ สะ เตอร์

28 January 2009

ความจับจด กับ ยุคของข้อมูลข่าวสาร

Filed under: Life — nontster @ 11:10 pm

ผมรับหน้าที่หาเพื่อนร่วมงานเข้ามาทำงานในแผนก ซึ่งเกี่ยวกับงาน R&D ทางด้าน IT งานก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรเลย แต่จนบัดนี้ผมยังหาไม่ได้สักคน คนที่มีศักยภาพที่เข้าตากรรมการ ก็ไม่ยอมมา หาคนแบบที่ต้องการช่างยากเย็น หลายคนในบริษัทที่ผมทำงานอยู่ไม่เข้าใจว่าจะหา มนุษย์สุดวิเศษขนาดนั้นมาทำงานทำไม ซึ่งผมก็โดนแขวะเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ เรื่องคน เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่สามารถรับชุ่ยๆได้ เพราะถ้าเข้ามาแล้ว ทำงานไม่ได้ ทุกข์ทั้งเขาและเรา บริษัทก็แย่เพราะงานไม่ออกตามที่มันควรจะเป็น

“คุณภาพของคน ลดลง เรื่อยๆ” อาจเป็นข้อสรุปของผม และไม่ได้คิดคนเดียว เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับการประชุมระดับประเทศงานหนึ่ง บทสรุปของปัญหาที่ทุกคนพบคือ “ขาดคน”

คนเรียน IT มีอยู่ล้นประเทศ ทำไมเรายังขาดคน คนแบบที่ต้องการหายไปไหนหมด ลงทุนเข้าไปหาอาจารย์ถึงในมหาวิทยาลัยที่เคยเรียนจบมา อาจารย์ท่านก็ใจดีตอบผมว่า ผมเข้าใจนะว่าคนที่คุณอยากได้เป็นยังไงแต่มันมีน้อย มีรุ่นละคนสองคน แต่รุ่นที่ผมกำลังสอนอยู่เนี่ย ยังไม่เจอ…. นักเรียน 1-2 คนเท่านั้นต่อหนึ่งรุ่นที่มีศักยภาพจะทำงาน คำถามคือมันเกิดอะไรกันขึ้น

ลองมาดูวิธีการเรียนรู้ของคนในยุคปัจจุบันดู ทุกวันนี้ ขาดน้องเกิ้ล (google) เหมือนขาดใจ วันไหนเข้า google ไม่ได้พาลจะทำงานไม่ได้เอา google ช่วยอะไรในงาน IT หรืองานพัฒนาซอฟต์แวร์ มันช่วยค้นเอาประสบการณ์ของคนที่เคยติดปัญหาหนึ่งๆ บังเอิญคนๆนั้นเค้าหาทางแก้ได้ แล้วใจบุญเขียนอธิบายเอาไว้ในเว็บ google ไปหาเจอก็เอามาบอกเราอีกที เราก็เข้าไปอ่านเอามาลองทำตาม… เฮ้ยได้แฮะ ไอ้คนนี้มันเจ๋งว่ะ แก้ได้ ทำได้…

เกิดอะไรขึ้นรู้ไหมครับเราได้ทางออกของปัญหามา แต่สิ่งที่เราไม่ได้มาคือ กระบวนการคิด มันไม่ได้พัฒนาเลยสักนิดเดียว ลองนึกดูถ้าคนที่เค้าเขียนอธิบายทางออกของปัญหานั้น เขียนตกไปขั้นตอนนึง เฮ้ยไม่เห็นได้เลย ไอ้นี่มั่วนิ่ม คนที่ค้นน้องเกิ้ลคงจะพูดแบบนี้ แล้วก็หา link อื่นต่อไป ทั้งๆที่ถ้าเราพอเข้าใจอะไรบ้าง เราก็น่าจะเดาออกว่าเอ๊ะ มันข้ามขั้นตอนนี้ไปนี่นา

google ทำให้เราได้คำตอบอะไรมาง่ายๆ ถึงไม่ง่ายแบบ howto แต่ก็ใกล้เคียง โดยที่เราไม่ได้เข้าใจสิ่งๆนั้นจริงๆ แก้ปัญหาได้ ทำงานได้ก็จบแล้วจะมีอะไรอีก ทำงานได้เร็วขึ้น หลายงานขึ้น ทำไอ้นู่น ไอ้นี่ ไอ้นั่น เต็มไปหมด แต่ไม่ได้เข้าใจอะไรลึกซึ้งสักอย่างเดียว เจออะไรพลิกแพลงหน่อยก็หงายเก๋ง วิ่งแจ้นไปหาคำตอบ google ถ้าไม่มีก็เลิกทำ บอกว่าทำไม่ได้ อาการนี้เรียก จับจด ก็คงไม่ผิด

มีน้องที่ทำงานด้วยกันเคยบอกผมว่า ผมไม่ช่วย ไม่สอนงาน ผมเลยบอกไปว่า ที่ให้ทำน่ะ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าพี่รู้คงทำเองแล้วล่ะ แล้วจะจ้างเอ็งมาทำไมล่ะ (วะ)

อะไรที่ง่ายเกินไป ทำให้เราไม่ได้สนใจจะวิเคราะห์ความเป็นมาเป็นไปของสิ่งต่างๆมากพอ พอทำไม่ได้ก็ไม่ทำ

ตัวผมเองก็ตกอยู่ในอาการ จับจด มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มไม่สนใจสิ่งพื้นฐาน เอาง่ายเข้าว่า พอเจอปัญหาก็แก้ไม่ได้ หรือใช้เวลาแก้นานขึ้น ตัดสินใจอะไรง่ายๆ ชุ่ยๆ ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวายไปหมด รู้สึกว่าอะไรมันเยอะไปหมด บางทีคงต้องหมุนนาฬากาตัวเองให้เดินช้าลง แล้วบริโภคข้อมูลอย่างละเมียดละมัยมากขึ้น รู้น้อยลงแต่ลึกมากขึ้นโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นพื้นฐาน พึ่ง google น้อยลง เท่าที่จำเป็นหวังว่าอาการ จับจด จะหายไปในเร็ววัน

4 Comments »

  1. คนน่ะไม่ขาด แต่คนคิดเป็นทำงานเป็นน่ะขาด ผมคงเข้าใจสิ่งที่กำลังบอกใช่ไหมครับ
    งามที่ผมรับผิดชอบก็พบ แต่เรามีเงื่อนไขที่ดีกว่าละมั๊งคือ เอามาฝึกเอามาพัฒนา ความจริงคนดีดีที่เอามาแล้วทำงานได้เลยน่ะมี แต่เลย spect ที่ผู้เขียนโครงการกำหนด นีเองที่ผมกำลังวิภาคผู้เขียนโครงการ.. คนเขียนไม่ได้ทำโครงการ คนทำโครงการไม่มีโอกาสเสนอความคิดเห็นในการเขียนโครงการ มันก็อย่างนี้แหละ ที่เป็นข้อจำกัดของงาน แต่ก็ดีกว่าระบบรัฐโดยตรง

    การสะท้อนการขาดคนในความหมายที่ผมเข้าใจนั้น เป็นเรื่องใหญ่ของระบบการศึกษาที่จะต้องรีบเปิดเวทีเอาคนอย่าง Nontster และอื่นๆ ไปพูดให้ฟัง ปีละ 2 ครั้ง แล้วปรับหลักสูตรเสียให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน.. ไม่ใช่หลับหูหลัยตาผลิตคนออกมาแล้ว ตลาดไม่สามารถรับเข้ามาทำงานได้ นี่คือความล้มเหลวของระบบการศึกษาเราหรือไร…

    Comment by bangsai — 29 January 2009 @ 12:15 am

  2. เข้าใจถูกแล้วครับ แต่การล้มทั้งระนาบแบบนี้น่าจะมีสาเหตุ ตอนผมเรียน วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ไม่เกิดอาการแบบนี้ครับ คนที่ไม่ไหวจะหายไปตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่ไหวคืออาจจะไม่ชอบเอามากๆเลยจำใจต้องเปลี่ยน ผมสังเกตุดูว่า แต่ละเรื่องที่เรียนมันไม่มี howto ไม่มีบน google ไม่มีฟลุ๊ค เพราะข้อสอบไม่มีตัวเลือก มีแต่เขียนบรรยายตลอดทั้งสี่ปี กว่าจะเข้าใจแต่ละเรื่องต้องใช้เวลาพอสมควร สำหรับความรู้ด้าน IT โชคดีตรงที่มีคนที่ชอบเหมือนกันคอยแนะนำ (ไม่ได้สอน) ได้มีเป็น hint สั้นๆ แล้วก็ไปค้น ไปอ่านเอาเองสนุกดี

    ผมเองไม่ใช่คนเก่งครับ แต่ถ้าจะทำก็อ่านเอา เรียนรู้เอา บางอย่างสอนได้ แต่บางอย่างสอนให้ตายก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำเอง ก็เรื่องที่ผมอยากทำมันไม่มีสอนในห้องเรียนนิ

    ผมรู้สึกว่าคนรุ่นพ่อ รุ่นปู่ ทำไมเก่งจัง ซ่อมได้ทุกอย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ งานไม้ งานปูน พ่อผมทำเป็นหมด มีอย่างเดียวที่ผมเก่งกว่าพ่อคือเขียนโปรแกรม อย่างเดียวจริงๆนะ…

    Comment by nontster — 29 January 2009 @ 12:20 am

  3. ยืมคำศัพท์ของ อ. วรภัทร์มาใช้นะครับ

    พวกเรา Download ข้อมูลมือสองมือสามมาจากคนที่คิดว่าตัวเองเป็นครูมา แล้วนึกว่าตัวเองมีความรู้ (ทั้งคนสอนคนเรียน) การ Download ข้อมูลจาก Google มาก็แบบเดียวกัน

    ปัจจุบันเลยหาคนที่รู้จริงๆได้ยาก รึเปล่า ? อิอิอิ

    Comment by จอมป่วน — 29 January 2009 @ 3:35 pm

  4. >> ยืมคำศัพท์ของ อ. วรภัทร์มาใช้นะครับ

    >> พวกเรา Download ข้อมูลมือสองมือสามมาจากคนที่คิดว่าตัวเองเป็นครูมา แล้วนึกว่าตัวเองมีความรู้ >> (ทั้งคนสอนคนเรียน) การ Download ข้อมูลจาก Google มาก็แบบเดียวกัน

    >> ปัจจุบันเลยหาคนที่รู้จริงๆได้ยาก รึเปล่า ? อิอิอิ

    ผมคิดแบบนั้นครับ ^^”

    Comment by nontster — 29 January 2009 @ 3:37 pm

RSS feed for comments on this post. TrackBack URL

Leave a comment

*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word

Powered by WordPress