เรียนรู้คนเป็นโรคไต 4

โดย นักการหนิง เมื่อ 24 กันยายน 2010 เวลา 9:50 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเล่าจากลานดีดี #
อ่าน: 62431

ห่างหายจากการเขียนเรื่องนี้ไปนานเชียวค่ะ  พอดีว่ามีข้อมูลบางอย่างที่เป็นวิชาการที่ต้องนำมาสนับสนุนสิ่งที่นักการหนิงเล่าจึงทำให้การเขียนชะงักไป   วันก่อนเข้ามาอ่านในลานดีดีของตนเอง พบว่าหัวข้อเรียนรู้คนเป็นโรคไตเสื่อม เป็นเรื่องติดดาวของลานดีดี ฉะนั้นจึงต้องกลับมาเล่าอะไรๆ ให้ฟังอีกค่ะ

เหตุผลอีกประการหนึ่ง คือ ช่วงหลังๆ นี้เกิดสภาวะต่างๆ ในร่างกายของสามี  เช่น  มีเรื่องเกาท์เข้ามาเกี่ยวข้อง  เรื่องหัวเข่าอักเสบ  และเป็นตะคริวในช่วงเช้าๆ ก่อนตื่นนอน …  อย่างเช่นเรื่องเป็นตะคริว  ไปปรึกษาหมอก็ยังไม่หาย  ด้วยว่าหมอไม่รู้บริบทของคนไข้   พูดอีกนัยหนึ่งคนไข้ปฏิบัติตัวอย่างไรก็บอกหมอไม่หมด  ..หมอจึงวินิจฉัยบนพื้นฐานวิชาการ  ขาดบริบทคนไข้ไป   งานนี้ไม่มีใครผิด หรือบกพร่อง  แต่เป็นงานที่ได้เรียนรู้  แล้ววันหลังจะเล่าให้ฟังค่ะ   ที่สำคัญคุณประทับก็กระทุ้งว่าเขียนเรื่องนี้ในลานปัญญาหรือยัง   เอาไว้ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้นะ เดี๋ยวลืมหมด

ลองดูเรื่องราวที่ผ่านมา

ตอนที่ 1 ว่้าด้วย  ตรวจพบโรคไต

ตอนที่ 2 ว่าด้วย ถอดบทเรียนตอนที่ 1และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพประจำปี  และแสดงค่าโปรตีนในปัสสาวะ

ตอนที่ 3  รู้จักโรคไตวายแบบชาวบ้านๆ สาเหตุของการเป็นโรคไต  ปัจจัยเร่งโรคไต  และการควบคุมโรคไต

ความเดิมตอนที่ผ่านมา ปี พ.ศ..2548-2549  เขาไม่ไปพบหมอตามนัด โดยที่นักการหนิงไม่ทราบ เพราะที่บ้านก็ยังมีถุงยาถุงใหญ่  หยุดทานยาที่หมอให้ ทั้งยาลดความดันโลหิตสูง และโอมาคอร์  ขณะนั้น ค่าคริอะตินีนในเลือดมีค่า ประมาณ 2 มก.% กว่านิดๆ ( คนปกติ จะต่ำกว่า 1.2 มก.% )   หนึ่งปีกว่าๆ ผ่านไปเมื่อไปพบหมอและผลการตรวจออกมา พบว่่า ค่าครีอะตินีน  เป็น 4 มก.% กว่านิดๆ จากเดิมอยู่ที่ 2 มก.% กว่านิดๆ  หมอบอกว่า ถ้าหากทานยาตามที่หมอสั่ง และดูแลตัวเองให้ดี ไตจะเสื่อมช้าลงกว่านั้อีกหลายปี  อาจเป็นถึงสิบปี  การทานยาลดความดันโลหิตมีอาการข้างเคียงก็จริง  แต่การไม่ทานยากลับส่งผลรุนแรงต่อไปมากกว่า โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง การไม่ทานยาจะทำให้ไตวายเร็วมากยิ่ง

วันหนึี่ง  เราสองคนสามีภรรยาและน้องสาวก็ไปเที่ยวโตเีีกียว ประเทศญี่ปุ่น  เมื่อปี พ.ศ.2549  ไปกันเอง  ค่ะ  ด้วยความประหยัดจึึงได้แจ้งขอเพิ่มเตียงอีกหนึ่ง เพื่อจะนอนรวมกัน  …. กาีรเที่ยวครั้งนี้  ทุกคนแทบไม่ได้หลับเลย ประทับกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  ทุกคืน  ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนที่ไม่กรนหรือกรนเสียงเบาๆ  และในทุกๆ เช้าพอเขาตื่นขึ้นมาก็บอกกับทุกคนว่าเขาไม่ได้พักผ่อนเลยเพลียมากๆ

ลองมาดูสภาพความเป็นไปที่ส่งให้เกิดการกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดูค่ะ

1. ทานผลไม้ตามปกติเหมือนคนอย่างเราๆ นี่แหล่ะค่ะ   2.ทานอาหารญี่ปุ่นตามปกติ ใครที่เข้าใจว่าคนญี่ปุ่นไม่ทานผงชูรสก็คิดใหม่ได้นะคะ เขาทานเหมือนกัน  และธรรมชาติอาหารญี่ปุ่นมีรสเค็มค่ะ    3.ในการเที่่ยวครั้งนี้ไม่ได้ไปทัวร์  ดังนั้นจะไปไหนก็เดินเป็นหลักค่ะ

ตานี้เราลองมาคุยกันทีละข้อค่ะ

ข้อแรก  เขาทานผลไม้เหมือนคนปกติ ผลไม้เป็นแหล่งวิตามินและเกลือแร่  เกลือแร่ที่สำคัญตัวหนึ่งในผลไม้คือโปตัสเซียมค่ะ  อย่างเราๆ ทานผลไม้มากซะนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรแต่สำหรับคนเป็นโรคไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรัง นั้น ไตไม่สามารถขับโปตัสเซียมส่วนเกินออกจากร่างกายได้ค่ะ  ผลคือ โปแตสเซียมมากเกินไปก็จะเกิดภาวะการเป็นพิษขึ้นได้ เช่น ในทารก หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ทำให้เกิดระคายเคืองกับระบบทางเดินอาหาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีสมรรถภาพของไตทำงานได้ไม่ดีจะมีผลทำให้เกิดโปแตสเซียมในเลือดสูง (Hyperkalemia) เพราะไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ ปริมาณโปแตสเซียมสูงในร่างกายจะทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้

ข้อสองคืออาหารมีรสชาติเค็มและมีผงชูรส หัวข้อนีั้ก็คงไม่ต้องอธิบายกันนะคะ  เป็นที่รู้กันอยู่โดยทั่วกัน

ข้อที่สาม  เดินเที่ยวทั้งวัน ไตจะมีคุณภาพดีที่สุดเมื่อตื่นตอนเช้าๆ ค่ะ  ถึงเที่ยงวันและก็ลดลงเรื่อยๆ เหมือนดวงอาทิตย์เรานี่แหล่ะค่ะ มีคำแนะนำในหนัีงสือชื่อ “การดูแลผู้ป่วยโรคไต และความรู้ทางโภชนการสำหรับผู้ป่วยโรคไต”  แปลและเรียบเรียงโดยคุณพนิดา  กุลประสูติดิลก  ในหนังสือให้คำแนะนำ ว่าให้เอนเหลังพักเในช่วงพักเที่ยง  และให้พักอีกครั้งตอนสามโมงเย็น  อาจจะแค่เอนหลังก็ได้ค่ะ  กลางคืนให้รีบเข้านอนเท่าที่จะทำได้   งานที่ต้องใช้แรงงานให้ทำก่อนเที่ยง   โอ้แม่เจ้า  เดินเที่ยวทั้งวันแบบนี้ ไตคงย่ำแย่มากๆ เชียวแหล่ะ

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือก่อนไปเที่ยว  ประทับไปเดินเส้นพลิก  ข้อเท้าบวมฉึ่ง  สี่ห้าวันผ่านไปก็ไม่ดีขึ้น  จึงไปหาหมอกระดูกที่คลีนิก  หมอดูประวัติเก่า แล้วก็ไม่ยอมให้ยา  บอกว่าต้องรักษาด้วยหมอโรคไต  หมอคิดว่าน่าจะเป็นเก๊าท์ มากกว่าข้อพลิกปกติ  คุยไปคุยมาเราก็ยืนยันว่าประทับไม่ได้เป็นเก๊าท์ และไตอะไรนี่ก็ไม่ชัดเจน  คุยไปคุยมาหมอก็ใจอ่อนให้ยารักษาข้ออักเสบให้จนได้ และประทับก็ทานเข้าไป  นี่เป็นความผิดพลาดอีกครั้งหนึ่ง  โรคไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง นี่เขาให้ห่างยากลุ่มเอ็นข้ออะไรพวกนี้ให้มากที่สุดค่ะ เพราะเป็นยาที่ส่งผลอาการข้างเคียงทำลายไตมากที่สุด  ..  มารู้เมื่อหลังจากนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่รู้สึกเสียใจ และรู้สึกว่านักการหนิงก็ทำผิดอยางยิ่ง  น่าจะเอะใจมากกว่านี้อีกนิดหนึ่ง

วันท้ายๆ ของการเที่ยวญี่ปุ่น  ประทับมีอาการอ่อนเพลียอย่างชัดเจน  เขาบ่นว่าอึดอัดมากๆ นอนกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว  ผิวดำลงเยอะ …..

หลังจากกลับจากเที่ยวญี่ปุ่นหนึ่งอาทิตย์   ประทับเดินมาบอกกับนักการหนิงว่า ไม่ได้ทานยาลดความดันโลหิตสูงมาปีกว่าแล้ว อยากไปหาหมอแล้วแต่ไม่กล้ากลัวหมอต่อว่า  เหมือนฟ้าผ่าค่ะ  เพราะนักการหนิงได้ศึกษาเรื่องนี้พอสมควรที่จะเรียนรู้ได้ว่าการไม่ทานยาลดความดันโลหิตสูงจะส่งผลเสียกับร่างกายยิ่งกว่าอาการข้างเคียงที่เกิดจากยา

หายใจเข้าออกพักหนึ่งพอมีสติ จึงบอกกับเขาว่าไปหาหมอเถอะ เริ่มต้นใหม่ก่อนจะสายกว่านี้

« « Prev : เรื่องดีดีในเดือนที่ผ่านมา ไปช่วยงานหมู่บ้าน 2

Next : เรื่องดีดี หลายๆ เดือนที่ผ่านมา ตอนช่วยงานหมู่บ้าน 3 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9116 ความคิดเห็น