ในยามนี้การเรียนรู้จากอดีตหรือประสบการณ์ของผู้อื่นน่าจะสำคัญที่สุด.. บางข้อที่จะได้อ่านอาจทำให้เสียกำลังใจอยู่บ้างแต่ขอให้ยึดหลักอย่าอยู่ในความประมาทไว้ดีที่สุด.. อะไรทำได้ทำ อะไรทำไม่ได้ผ่าน.. เพราะมันมีงานมากกว่าเวลาเสมอ
ขอให้สติจงอยู่คู่คนไทย ปัญญาพรั่งพรูอยู่รอดปลอดภัยทุกคนครับ
อนุภาคใจดี
———————————————————-
Source: https://www.facebook.com/groups/PSEMC/doc/310289102321310/
ประสบการณ์จริง 25 ข้อ จากคนที่น้ำท่วมบ้านแล้ว!!
โดย Toptenthailand.com เมื่อ 26 ตุลาคม 2011 เวลา 12:42 น.
ประสบการณ์จริง 25 ข้อ จากคนที่น้ำท่วมบ้านแล้ว!!
1. อย่าเสียเวลากับการป้องกัน
หากบริเวณบ้านของท่านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแต่ทางการประกาศว่าระดับน้ำอาจสูงถึง 1.5 เมตร
อย่าได้เสียเวลากับการป้องกันเลยครับ ระดับน้ำที่มาถึงบ้านท่านรับรองว่า จะต่ำกว่า หรืออาจจะสูงกว่า ที่ทางการประเมิน (รับรองท่วม)
2. กระสอบทราบเป็นแค่เครื่องมือชะลอ
กระสอบทรายมิใช้แก้วสารพัดนึกครับ มันไม่สามารถกั้นน้ำได้ 100 % แค่ทำให้น้ำรั่ว หรือซึมเข้ามาได้บ้าง ท่านต้องมีการดูดออกด้วย
3. การวางกระสอบทราย เรามิใช่มืออาชีพ
การจัดเรียงกระสอบทรายต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆๆ ผมกับเพื่อบ้าน หมดค่ากระสอบทรายไป 50,000 บาท สุดท้ายก็ละลายน้ำ
4. อย่าได้เชื่อโครงการ
อัน นี้มิได้ต่อว่าโครงการนะครับ เพียงแค่ว่าเขาประเมินสถานการณ์ต่ำไป โครงการผมลงทุนน่าจะเป็นล้าน ตั้งคันดินกระสอบทรายน่าจะกว่า 30,000 ใบ คันสูง 1.5 เมตร เครื่องสูบน้ำออกแบบตัวใหญ่ๆๆกว่า 3 ตัว (นิคมอุตสาหกรรม กี่แห่งแล้ว)
5. สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ อาจไม่เห็น
น้ำ มิได้โจมตีจะภาคพื้นดินหรอกครับ มันมาจากใต้ดิน มันมุดกำแพงเข้ามาบางครั้งมันโพร่งให้เห็น แต่หากมันไม่โพร่งให้เห็นมันจะซึมลงท่อน้ำทิ้งของโครงการเนื่องจากท่อน้ำ ทิ้งที่วางแนวไว้ นานเข้าจะเกิดการทรุดตัว แตก ทำให้น้ำซึมเข้ามา จนกระทั้งเต็มท่อ โครงการมัวแต่อุดท่อที่ต่อกับภายนอก และไม่เห็นว่าท่อข้างในมีการรั่วซึม
6. การอุดท่อระบายน้ำเข้าบ้าน มิใช่การป้องกัน
ทุกสำนักจะบอกว่า ต้องอุดท่อระบายน้ำ ลองอ่านจากข้อสองครับ เราอาจจะรู้สึกว่าแน่นดี
เอา อยู่ น้ำไม่ผ่าน แต่ที่จริง กระสอบทรายแค่ชะลอ ทำให้น้ำผ่านยากขึ้นและที่สำคัญ พวกบ้านเดียว มีพื้นที่สวนใต้บ้านของท่านล้วนแล้วแต่เป็นโพรงน้ำจะแทรกตัวลงไปจนแน่นโพรง ใต้พื้นแล้วจะผุดออกมาตามรอยแตกของบ้านบางครั้งอาจจะดันกระเบื้องเข้าบ้าน ได้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดได้ค่อนข้างยาก
7. ห้องน้ำคือจุดอ่อนที่สุด เมื่อน้ำเต็มท่อระบาย
จะ หาทางออกมาทั้งน้ำทิ้ง ทางพื้นที่เรียกว่า Floor Drain รวมถึงชักโครกซึ่งท่านไม่สามารถจะอุดได้ หากจะอุดจริงๆ ต้องถอดหัวชักโครกแล้วโบกปูน
8. อย่ามัวสาระวนกันการป้องกัน เมื่อน้ำบุกเข้ามาได้
ท่านจะพยายามลากกระสอบทรายมาปิด มาอุด ซึ่งไร้ประโยชน์เอาเวลาไปตรวจสอบว่า เรามีอะไรยังไม่ได้ยกขึ้นที่สูงอีกบ้าง
9. ไม่ต้องสะสมเสบียง
เพราะหากปริมาณน้ำขนาดนี้ ท่านถูกตัดไฟแน่นอนแล้วจะอยู่อย่างๆไร ผมสะสมเสบียงอยู่ได้เกือบ 3 เดือน จบข่าวตั้งแต่วันแรกแล้ว
10. ก่อปูนเป็นทางออกที่เกือบใช่ แต่…. ไปดูข้อเจ็ดครับ
หากท่านมั่นใจว่าสามารถสร้างระบบปิดในตัวบ้านท่านได้ ก็จงทำเถิดแต่หากไม่ใช่ อย่าเสียเวลา
11. ระดับความสูง
หาก ท่านเห็นน้ำขนาดนี้มาอีก ของที่ยกได้ ขอให้ระดับไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร หากจะเทินของก็ให้มั่นใจว่ากว่า บ้านผมสูงจากถนน 30 เซ็น ก่อปูนอีก ประมาณ 70 เซน สุดท้าย ไม่รอด
อย่าท้อกับของใหญ่ผมได้มีโอกาสคุยกับหลายคนที่ น้ำยังไม่ท่วม พอเจอตู้เย็น เครื่องซักผ้าเข้า ก้อไม่เอา บอกหนัก คุณยังมีเวลาครับ ทำเลย หาเพื่อนข้างบ้านมาช่วย ส่วนใหญ่ใช้วิธิเทินเอา คุณเทินสูงไม่ได้เกิน 80 ซม - 1 เมตร หรอกครับ มันจะล้ม ลองใช้ประโยชน์จากชานพักบันไดสิครับ พื้นที่ประมาณ 2×2 เมตร พอวางเครื่องซักผ้า และ ตู้เย็นใบใหญ่ได้ความสูงชานพักน่าจะสัก 1.8 - 2 เมตร น่าจะพอไหว แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่บ้านท่านด้วยนะครับ
12. เก็บของสำคัญพร้อมหนี
อย่ามั่วเสียเวลาในการป้องกัน จัดกระเป๋าสำรองอีกใบ เพราะเวลาขันแน่นมาก (คับขัน) ท่านจะเก็บไม่ทัน ลืมโน่นลืมนี่
13. หากท่านผ่อนบ้าน จะถูกบังคับทำประกัน จงกลับไปอ่านอนุสัญญา
บางบริษัทจะครอบคลุมน้ำท่วม หรือภัยที่มาจากน้ำท่านอาจจะได้เงินคมาจากการซ่อมบ้าน
14. ปั้มน้ำสิ่งที่ถูกลืม
ระบบ น้ำใช้ในบ้านส่วนใหญ่จะเป็น 2 ระบบ คือต่อประปาตรงกับผ่านปั้ม ท่านสามารถถอดปั้มออกก่อนได้เลยครับ แล้วปรับไปใช้ต่อตรง แต่น้ำจะเบาสักหน่อย อ้อ ถอดเสร็จอย่าลืมเอาอะไรมาหุ้มปลายน้ำเข้าบ้านด้วย กั้นไม่ให้ น้ำเสียไหลเข้าบ้าน หากไม่มีอุปกรณ์ถอด ใช้เลื่อยตัดเลยครับ ให้เหลือปลายไว้ด้วยนะครับ จะได้ต่อกลับง่ายๆ
15. ผู้ใหญ่ คนชรา เด็ก ผู้ป่วย และหมาแมวเชิญท่านออกมาก่อนครับ
จะได้ไม่พาว้าพะวง ส่วนใหญ่ที่สร้างปัญหา ไม่ใช่คนครับ สัตว์เลี้ยงของท่านนั่นแหละครับ เพราะมันลุยน้ำไม่ได้เหมือนท่าน
16. รถยนต์ปัจจัยที่ 7 ของท่านจะเป็นตัวสร้างภาระอย่างใหญ่หลวง
โดยปกติ ช่วงหน้าหมู่บ้านทุกแห่งมักต่ำกว่าบ้านในโครงการ ดังนั้น ท่านอาจจะลุยออกมาไม่ได้ หาที่จอดในเมืองเลยครับ นั่ง taxi เอา
17. ยังไม่ต้องหนีหากท่านจัดการข้อ 15,16 เรียบร้อย
ท่าน อยู่เฝ้าบ้านได้ครับ อยู่จนกว่าน้ำจะมา ลงมาดูว่าเรายังไม่เก็บอะไรอีก จากนั้น ค่อยๆ หิ้วกระเป๋าที่เตรียมไว้ เดินออกมาอย่างยิ้มแย้ม โปกมือกับเพื่อนบ้านที่โกลาหล ไม่ต้องกังวลว่าจะออกมายังไงครับ เดินลุยน้ำชิวๆๆๆมาเลย ไม่มี taxi มารับท่านหรอกครับ อาศัยโบกรถเอา เพราะตอนนั้น ถนนใหญ่ของท่าน น้ำจะสูงมาก ผมยังโบกรถ 3 ทอดกว่าจะมาถึงบ้านอีกที่หนึ่ง ถึงตอนนั้น คนไทยไม่ทิ้งกันแน่นอน รับประกัน
18. หากไม่อยากเปียกนอนต่อ ท่านยังอยู่ได้ ตราบใดที่ไฟฟ้าไม่ตัด
ปกติ ในวันแรกที่น้ำท่วม การไฟฟ้ายังไม่ตัดไฟหรอกครับ กำลังงง ยุ่งอยู่ และระดับน้ำจะเริ่มนิ่งๆๆ ขึ้นช้าๆๆๆ ท่านยังอาศัยอยู่ได้ รอจนกว่าจะมีคนมารับ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถทหาร ชมวิว หรือจะรอ เรือมารับก้อได้ ลุ้นหน่อย มันดี
19. ตรวจสอบ breaker
ว่าอันไหนตัดอะไร พอน้ำมา อพยพขึ้นชั้น สอง ตัดไฟชั้นล่างให้หมดเลยครับ
20. กะละมัง อุปกรณ์ทุ่นแรง หากยังมีของแยะ
ตอนลุยออกมา เอาใส่กะละมังครับ แต่ต้องไม่รั่วนะ
21. ฟังคนอื่น ฟังหมู่บ้าน
แต่….จง เชื่อตนเองเวลาจับกลุ่มคุยทุกคนจะให้ข้อมูลในเชิงหวังดี แค่ท่วมแค่นี้แหละ ไม่มากหรอก ….อย่าลืมนะครับ คนที่ท่านคุยด้วยไม่เคยโดน ผมนี่แหละ เต็มๆๆๆๆๆ
22. สัญญาณแรก น้ำในท่อระบายน้ำหมั่นสอดส่องดูน้ำในท่อระบายน้ำครับ
หากเริ่มเห็นน้ำมาขังในท่อ แปลว่า ทัพหน้าเขามาถึงแล้ว เริ่มแทรกตัวลงมาอยู่ในท่อของเรา
23. ท่านต้องรู้ชัยภูมิหมู่บ้านท่านควรทราบว่า ทิศแต่ละทิศ ติดอะไร
หาก ติดสวน ติดนา น้ำมักจะมาล้อมท่านอย่างเงียบๆ เพราะพื้นที่รอบข้างท่านยิ่งกว้าง น้ำจะขึ้นช้าๆ ต้องคอยดู หากเริ่มมีน้ำในนา ในสวนที่ติดกับหมู่บ้าน แสดงว่าน้ำกำลังตั้งป้อมรอแล้วละ ท่านควรรู้ทางน้ำที่กำลังไหลผ่านว่า หากจะมาจะเข้ามาทางใด มั่นไปดูบ่อยๆ
24. ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างนอนช่วงนี้
หากท่านทนไหว เปิดหน้าต่างเถอะครับเพราะหากท่านเปิดแอร์นอน ท่านจะไม่ได้ยินประกาศอะไรเลย ยิ่งอยุ่ในซอยลึกๆๆอีก
25. เทปกาวเหนียวๆ
ปิดปลั๊กไฟที่ต่ำๆ กันน้ำเข้าพอจะช่วยได้บ้างครับ เอาหลายๆๆชั้นหน่อยนะครับ
(เครดิต. สุเทพ เตมานุวัตร์)
ลองอ่านกันนะครับหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ….
admin@nut