ควันหลงจาก Waist Size Story

โดย จอมป่วน เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 9:19 ในหมวดหมู่ ลดน้ำหนัก, สุขภาพ, ออกกำลังกาย #
อ่าน: 13735

เคยเขียนเล่าเรื่อง “ทางออกของคนอ้วนลงพุง Fighting Deep Belly Fat ” ไว้ในบันทึก เรื่องของคนเอาจริง  ไว้ในลานจอมป่วน

เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำโครงการลดน้ำหนักอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  แบบว่าทำให้สำเร็จและได้ผลระยะยาว  เป็นต้นแบบเพื่อขยายผลในเทศบาลนครพิษณุโลก  องค์กรอื่นๆสนใจจะเอาไปทำด้วยก็ไม่ว่า  เพราะจะใช้หลักของการทำแบบง่ายๆ (Simplicity)  แต่ทำจริงจัง  ถูกวิธี  และทำแบบมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมโครงการ

ช่วงนี้เลยสนใจศึกษาเรื่องราวของวงการลดน้ำหนัก  วิธีการใหม่ๆ  แต่ที่สนใจมากคงจะเป็นเรื่องของวิธีการปฏิบัติที่ได้ผล  อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้การลดน้ำหนักได้ผล

เปิดดูเว็บไซต์ต่างๆส่วนมากก็จะเป็นเรื่องของธุรกิจ  ขายยา  ขายอาหารเสริม  โฆษณา Fitness Center  หรือไม่ก็เป็นหลักสูตรลดน้ำหนักระยะสั้นที่ต้องเสียเงินจำนวนมาก  ที่เป็นโครงการของหน่วยงานรัฐก็มักจะเป็นแบบไฟไหม้ฟาง  มีงบประมาณก็เห่อๆทำกัน  ที่จะทำต่อเนื่องระยะยาวก็ไม่ค่อยเห็น

ที่ประทับใจมากเห็นจะเป็นเรื่องราวของทีมงานของ Amakasaki City  ของญี่ปุ่น  ที่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังและเปิดบริการเชิงรุก  จนเป็นต้นแบบระดับชาติ  ชอบที่ทีมงานของเทศบาลออกไปแนะนำจักษุแพทย์ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินถึงคลินิก  มีการแนะนำ  ให้เอกสารและไปติดตามผลการปฏิบัติถึงคลินิก  ทั้งนี้เพราะทางญี่ปุ่นออกเป็นกฎหมายให้บริษัทต่างๆและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบันทึกรอบเอวของคนที่มีอายุ 40-74 ปี (คิดเป็น 44% ของประชากร )  โดยเกณฑ์ของญี่ปุ่นใช้มาตรฐาน  ชายไม่เกิน 33.5 นิ้ว  และหญิงไม่เกิน 35.4 นิ้ว  และตั้งเป้าหมายที่จะลดของคนที่รอบเอวเกินลงให้ได้ 10% ใน 5 ปีแรก  และจะลดให้ได้ 25%  ภายในปี ค.ศ.  2015   ทั้งนี้ทางบริษัทและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องพยายามสนับสนุนในบุคคลากรของหน่วยงานและครอบครัวทำให้ได้ตามเป้าหมาย  มิฉะนั้นก็จะถูกปรับ (ประเด็นเรื่องการปรับ  ก็ได้ขอให้เจ้าของลานซากุระช่วยหาข้อเท็จจริงมาให้ด้วย  คงต้องรอหน่อยเพราะเจ้าตัวยังอยู่ที่ลาว)

ฝรั่งก็วิจารณ์นโยบายของญี่ปุ่นว่าไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล  ประเมินว่าจะไม่ได้ผลบ้าง  ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแบบนี้  แต่ตัวเองก็ควบคุมและรณรงค์เรื่องน้ำหนักเกินไม่ได้ผล

ประเทศไทยก็มีนโยบายสร้างนำซ่อม  แต่เอาเข้าจริงก็เอางบส่วนที่ทางสำนักงานสุขภาพแห่งชาติกำหนดให้ใช้ในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไปใช้ในการรักษาเสียเป็นส่วนใหญ่  เมื่อไหร่จะมีผู้บริหารไทยที่ตั้งใจจริง  มีความกล้า  เอาทำจริงกะเค้าซักทีน้อ

ทางญี่ปุ่นมีทิศทางที่ชัดเจนเพราะการมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน  จะทำให้เกิดโรคเบาหวาน  ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจมากขึ้น  โรคเหล่านี้ต้องทานยาเป็นประจำ  และยาที่ใช้ก็มีราคาสูงมาก  เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ก็ต้องใช้เงินในการดูแลรักษาจำนวนมหาศาล  เช่นถ้าเส้นเลือดในสมองแตก  เกิดอัมพาตต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากในการดูแล  ถ้าเกิดโรคหัวใจต้องทำบัลลูนหรือใส่เครื่องถ่างหลอดเลือดไว้ก็ใช้ค่าใช้จ่ายมาก ฯลฯ

คราวนี้ตั้งใจจะเปิดโครงการลดน้ำหนักอีกก่อนปีใหม่นี้เป็นโครงการสำหรับประชาชนทั่วไป  สำหรับโครงการที่ทำร่วมกับโรงเรียนสาธิตมัธยม  มหาวิทยาลัยนเรศวรก็คงจะทำต่อเป็นปีที่ 3  ปีนี้คุยกับทางโรงเรียนว่า  ทางโรงเรียนต้องส่งทีมงานมาทำโครงการนี้ร่วมกับทางเทศบาลนครพิษณุโลก  เพราะต่อไปก็คงจะให้โรงเรียนทำเอง  ดูแลกันเอง  และอาจต้องพัฒนาเป็นต้นแบบเพื่อขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆด้วย  ทางเทศบาลนครพิษณุโลกก็คงต้องทำโครงการนี้ร่วมกับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเป็นต้นแบบสัก 1 โรง  เพราะนายกเทศมนตรีถามว่าทำไมไปเริ่มโครงการกับโรงเรียนนอกสังกัดเทศบาล ( เหตุผลไม่กล้าเรียนท่านตรงๆ อิอิ )

โครงการที่จะเริ่มใหม่นี้ยึดแนวของความง่ายในการปฏิบัติ  ซึ่งมีการควบคุมอาหารแบบง่ายๆ(ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ง่ายนัก  อิอิ )  การออกกำลังกาย  และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  มีการเตรียมผู้เข้าร่วมโครงการ  ทำความเข้าใจและให้มีความร่วมมือในการเข้าร่วมโครงการ

ผู้เข้าร่วมโครงการต้องบันทึกการกินอาหารอย่างง่ายๆ  ไม่ต้องคำนวนพลังงานที่ได้จากอาหารให้ปวดหัว  บันทึกการออกกำลังกายแบบง่ายๆ  ไม่ต้องคำนวณพลังงานที่ใช้อีกเช่นกัน  บันทึกน้ำหนักตัวแค่วันละครั้ง(ชั่งบ่อยเป็นโรคประสาท  อิอิ)  แถมบันทึกการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ตั้งใจทำและทำได้ผล

คราวนี้มีการเตรียมวางแผนที่จะศึกษาวิจัยไว้ล่วงหน้าเลย  แถมมีการพูดคุยกับทีมงานที่จะบันทึก VDO ไว้ตั้งแต่เริ่มเตรียมโครงการเลย  เผื่อว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้า  ถ้าโครงการได้ผลดี  ก็จะมี VDO ดูเบื้องหลังการชกเลย  คงสนุกดีนะครับ  มีการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนเลย  มีการบันทึกกิจกรรม  อารมณ์  ความรู้สึกของผู้เข้าร่วมโครงการไว้ตั้งแต่ยังตุ้ยนุ้ย  ตอนที่ต้องควบคุมอาหาร  ออกกำลังกาย  ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  เห็นทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตา  น่าสนุกดีนะครับ  โครงการนี้

ตอนนี้ก็เริ่มหากลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการแล้ว  กำลังมองหาผู้ที่สนใจจะร่วมทำการศึกษาวิจัย  น่าสนใจเพราะจะได้มาวางแผนล่วงหน้าเลยว่าจะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง  มีทีมงานช่วยเก็บข้อมูลให้เรียบร้อย  แค่วางแผนรูปแบบการศึกษา  ออกแบบการเก็บบันทึกข้อมูล  เข้าร่วมสังเกตกิจกรรมตาสมโอกาส  แล้วนำข้อมูลไปวิเคราะห์และสรุป

ที่อยากได้มาร่วมงานก็มีนักจิตวิทยา(ต้องจากเชียงรายด้วย)  นักโภชนาการที่จะมาร่วมทีม  ทีมงานที่จะนำเสนอข้อมูลและผลงานของแต่ละคน  รวมทั้งของกลุ่มในรูปของกราฟที่สามารถเห็นความก้าวหน้าได้ชัดเจน  และถ้าจะช่วยทำเว็บไซต์ของโครงการหุ่นดีด้วยก็ไม่ว่ากัน  อิอิ

โม้เอาไว้มาก  ถ้าโครงการเจ๊งก็จะเงียบๆไว้  ถ้าได้ผลดี  อีกปีสองปีก็คอยดูทางโทรทัศน์ก็แล้วกันนะครับ………  พี่น้อง

« « Prev : หยุดคิดก่อนกิน


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2074 ความคิดเห็น