ห้วยขาแข้ง: อุทธยานแห่งชาติแม่วงก์ และมออีหืด

อ่าน: 181564

เช้าวันที่ 8 ธันวาคม ชาวคณะดูทะมัดทะแมง รับรู้ถึงความคึกคักในอารมณ์ …คงเพราะเหตุที่จะได้ไปสัมผัส แม่วงก์ ฟังบรรยายจากตัวจริงเสียงจริง คุณศศิน เฉลิมลาภ ดร. สุมิทร์ ตุงคะสมิต และ ดร. สมพร ช่วยอารีย์

หนทางไปคดเคีัยวและเป็นหลุมเป็นบ่อ เวียนศีรษะและคายของเก่าไปบ้างเล็กน้อย

สงสัยบ้างว่าหนทางแบบนี้ในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ ทำไม อบต. เทศบาล หรือการปกครองส่วนท้องถิ่นมักไม่ค่อยเอาใจใส่ บางครั้งก็รับฟังมาว่า เขาคงมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการของบประมาณ ให้ส่วนกลาง(โง่ๆ ) เข้าใจว่าเป็นพื้นที่กันดาร บางข้อมูลก็บอกว่าปล่อยหนทางแบบนี้แหละดีจะได้เอาไว้จูงใจล่อใจคนบางคนในพื้นที่ว่า ถ้าได้ทำเขื่อนจะทำให้อยู่ดีกินดีกว่านี้ (การเดาใจนักการเมืองเป็นเรื่องเสียเวลา…และมักจะเสียอารมณ์)

อุทธยานแห่งชาติแม่วงก์ มีน้ำแม่วงก์ที่เย็นเฉียบ ไหลระริกกับพื้นทราย ใสสะอาดมาก จนเห็นปลาเต็มไปหมด เข้าใจได้ง่ายๆว่า แม่น้ำนี้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้อยใหญ่ และยังไม่มีมลพิษทางน้ำมากล้ำกลาย

P1070367 P1070370 P1070371

ดื่มด่ำกับธรรมชาติสักครู่ ก็ถูกเรียกว่า ต้องเข้าห้องประชุมแล้ว ต่างคนต่างปีนกลับจากน้ำแม่วงก์กระหืดกระหอบ แล้วก็พบว่าวิทยากรยังมาไม่ถึง…ยังพอเก็บภาพได้อีกสักพัก

P1070373 P1070374

อุทธยานแห่งชาติแม่วงก์มีคนมาพักค่อนข้างมาก เต็นท์กางเต็มสนาม …เจ้าหน้าที่อุทธยานคงงานเยอะในฤดูกาลแบบนี้

ในห้องประชุม พบว่า คุณศศินมานั่งรออยู่แล้ว …สัมผัสได้ถึงบุคลิกของคนทำงานที่น่าจะธุระมาก ต้องจัดการหลายอย่างและทำงานเป็นระบบระเบียบ

P1070386 

ระหว่างที่รอ ดร. สุมิทร์ ท่านรองหัวหน้า (ผู้ช่วยประจักษ์) ก็นำเสนอข้อมูลของอุทธยาน

มีความรู้เพิ่มจากการบรรยายว่า เสือคือสัตว์ที่สำคัญค่าตัวกว่าล้านบาท และเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการอยู่รอดของระบบนิเวศ คือ ถ้าเสืออยู่ได้ระบบนิเวศอื่นอยู่ได้ตามหลักห่วงโซ่อาหาร

นี่เองนะ ที่การต่อสู้เพื่อการสร้าง/ไม่สร้างเขื่อนแม่วงก์ ถึงมีการกล่าวเรื่องจำนวนเสือว่ามีหรือไม่มีตามสื่อฟรีทีวี …ผู้สนับสนุนสร้างเขื่อน (ฝ่ายรัฐบาล) ก็อ้างว่าไม่มีเสือในพื้นที่เพื่อแสดงว่าแม่วงก์เป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ขณะที่นักวิจัย นักวิชาการและนักอนุรักษ์ต้องหาวิธีการตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแสดงว่ามีเสือจริงๆ

คุณศศิน อธิบายด้วยว่ามีแต่ในพื้นที่ของประเทศไทยที่สามารถอนุรักษ์เสือจนสืบพันธุ์ขยายพันธุ์ได้ เสือตัวผู้ 1 ตัวต้องการพื้นที่ 100 ตร. กม.

นั่นคือจำนวนพื้นที่ดินเพื่อการอนุรักษ์จึงมีความสำคัญของการขยายพันธุ์เสือ…อย่างนี้

จากนั้นคุณศศินเล่าถึงการต่อสู้กับการสร้างเขื่อนแม่วงก์ว่าเพราะเป็นโดมิโนตัวแรกของเขื่อนในป่า เขื่อนแม่วงก์ตอบโจทย์การขาดแคลนน้ำและการป้องกันน้ำท่วมให้กับใครบ้าง..(น่าจะเฉพาะคนกลุ่มเดียวคือ อ. ลาดยาว จ. นครสวรรค์) และยังตั้งข้อคำถามถึงวิถีทางอื่นๆ ในการช่วยด้านชลประทานแหล่งน้ำสำหรับคนใน อ. ลาดยาว จ. นครสวรรค์ แทนการสร้างเขื่อนที่จะสูญเสียทรัพยากรอย่างมหาศาลและเกินความจำเป็น

P1070378 P1070380 P1070382

ดร. สุมิทร์ เดินทางมาถึงและนำเสนอเรื่องราวของเส้นทางที่เข้ามาสนใจการต่อสู้คัดค้านเชื่อนแม่วงก์ ผ่านการศึกษาวิจัยชุมชน ที่ได้ข้อสรุปน่าสนใจ เช่น

  • ชุมชนมีอิทธิพลของการเมืองสูง
  • ชาวบ้านที่อพยพเข้ามาในพื้นที่เป็นคนรุ่นแรกที่หาแหล่งทำกินด้วยการปลูกพืชโตเร็ว ไม่มีความผูกพันกับถิ่นที่อยู่
  • ภูมิสังคมของคนที่เข้าป่าเพื่อเก็บของป่า แต่ไม่ได้ร่วมสร้างป่า
  • ชุมชนที่เข้มแข็งเท่านั้นถึงจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติอยู่รอด

นอกจากนั้น ดร. สุมิทร์ยังให้คำอธิบายถึงโครงการจัดการน้ำ ของรัฐบาลว่าเป็นการทำงานแยกส่วน ไม่ได้ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รัฐ ขาดความจริงใจในการทำโครงการ ดังนั้นต้องมีการสร้างเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อตรวจสอบและต่อสู้กับกลอุบายของภาครัฐ

ดร. สุมิทร์แนะนำให้รู้จักคุณผัดไท รักป่า ผู้ต่อสู้ด้วยการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชน

คุณผัดไทกล่าวถึงการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยแรงพลังของจิตใจที่กล้าหาญ เข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว มีบางคำพูดที่ชวนให้คิดเมื่อคุณผัดไทกล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าเราสู้กับอะไร” “ชาวบ้านมีความกลัว”

ส่วน ดร. สมพร นำเสนอในมิติของการจำลองสถานการณ์น้ำท่วม การสร้างเขื่อนจะกันน้ำได้แค่ไหน

มีความเห็นว่า เป็นโปรแกรมสร้างความเข้าใจที่ดีมาก เห็นภาพและทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องน้ำท่วม ผลประโยชน์ที่จะได้รับในการกันพื้นที่น้ำท่วมว่ามีความเป็นไปได้จริงกี่มากน้อย

หัวหน้าอุทธยานมาถึงในตอนท้ายของการบรรยายและได้กล่าวบางประโยคที่สะกิดใจ ทั้งเรื่องราวของการดูแลคนที่พากันเข้ามาในพื้นที่ การมีจำนวนคนทำงานน้อยแต่ภาระมาก การมีแรงกดดันจากสายงาน และกล่าวถึงความเข้าใจที่อยากให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่า เจ้าหน้าทุกคนรักป่า รักธรรมชาติ แต่มีหน้าที่ต้องทำ

จากนั้นพ่อครูบาสุทธินันท์ ได้ให้ความเห็นว่า การต่อสู้กับคนไม่ปกตินั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก รัฐสร้างยุทธศาสตร์ความกลัวเพื่อทำให้คนไทยกลัวอย่างเดียว โดยไม่ได้เหลียวแลการเป็นอยู่ ขาดความจริงใจต่อประชาชน เกษตรกรเปลี่ยนเป็นกรรมกรจนหมด เกิดความอ่อนแอ ดังนั้นต้องให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเอง ให้มีการปลูกต้นไม้ ถึงจะมีความพอเพียงในการดำรงชีวิตและมีความเข้มแข็ง

P1070384 P1070385

มื้อกลางวันกลางแสงแดด ก่อนจะเดินทางไปลานนกยูง พื้นที่ๆ จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์

P1070387 P1070390 P1070398 P1070396

มีการบรรยายและการแสดงภาพถึงสภาพในพื้นที่โครงการเขื่อนแม่วงก์ ระหว่างนั้นมองไปรอบๆ เห็นร่องรอยการตัดไม้จนพื้นที่เป็นป่าที่ถูกทำลายไปมาก นี่มั้งที่เขาพยายามยัดเยียดว่าเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม

P1070394 P1070395

จากนั้นแผนการเดินทางเปลี่ยนจากการไปช่องเย็นเป็นการปีนเขา มออีหืด เพื่อขึ้นไปดูพื้นที่ๆ จะมีน้ำท่วมจากโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์

เขามออีหืด…เรียกชื่อได้ตรงเป๋ง หนทางชันสักหกสิบองศา สูงร้อยกว่าเมตร ..เดินขึ้นยากเพราะความลื่น

เหนื่อยจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ดุบ ดุ๊บ ดุบ ดุ๊บ

แต่ก็เดินไปเรื่อยๆ ครูดอยให้กำลังใจและแนะนำว่าให้เดินเอาตัวขนานพื้น คือก้มตัวไปข้างหน้า เกาะเกี่ยวรากไม้ ต้นไม้ขึ้นไปเรื่อยๆ ครูดอยเป็นหลักให้เกาะเป็นบางช่วง

นึกถึงหลักการเดินหรือออกกำลังกายว่า ถ้าเหนื่อยให้ผ่อนแรง อย่าหยุดทันทีทันใด เพราะหัวใจจะรับเลือดไม่ทันและจะหัวใจวาย….ตอนที่เหนื่อยมากๆ ความรู้ที่มีก็ใช้ประโยชน์ได้ ก็ค่อยๆ ผ่อนแรงเดิน เดินช้าๆ แต่ไม่หยุด…ความเหนื่อยคงที่ จนเดินต่อได้เรื่อยๆ …แต่ความกังวลมาแทน คือกังวลว่าตอนเดินลงจะลื่นไหม เพราะทางชันขนาดนี้

นี่ไง สิ่งที่เรียกว่าทุกข์….ทุกข์เพราะจิตซัดส่าย ไม่อยู่กับปัจจุบัน เดินขึ้นเขาแท้ๆ ยังกังวลตอนลง

เมื่อถึงยอดเขา พอเหงื่อออก สารเอนโดรฟินหลั่งเต็มที่ ก็รู้สึกสบาย หายเหนื่อย ยังยิ้มออก

P1070402 P1070405 P1070408

เห็นพื้นที่ๆ จะถูกน้ำท่วมแล้วน่าเสียดาย เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ สวยงามมาก น่าจะดูแลให้คงอยู่มากกว่าจะปล่อยให้สร้างเขื่อนและน้ำท่วมเสียหาย

ระหว่างทางลง เห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บรรณาการของป่าไม้ แสงตะวันลอดลำต้นไม้มาในตำแหน่งพอเหมาะพอเจาะ

P1070411 P1070414 P1070415

ผ่านด่าน มออีหืดได้ รู้สึกว่าทุกคนแข็งแรงขึ้นในพริบตา….ร่างกายคนเรานี้นะ ถ้าปล่อยให้อยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกมาก ไม่ขยับไม่ออกเหงื่อบ้าง จะยิ่งไม่แข็งแรง

กลับไปคราวนี้ คงหาหนทางออกเหงื่อให้มาก คงต้องปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น และใช้ของใช้ต่างๆตามจำเป็นก็พอเพื่อจะได้ประหยัดพลังงานในการผลิตของเหล่านั้นเป็นการอนุรักษ์ทรัพยาการธรรมชาติอีกแรง

ตอนเย็นพี่บู๊ดชวนสนทนาแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกัน ระหว่างสมาชิกเก่าและใหม่ของเฮฮาศาสตร์ ….จนดึกพอควรพี่บู๊ดก็ชวนเลิกและวางแผนมาต่อวันรุ่งขึ้น

มีความเห็นว่าสมาชิกแต่ละคนพูดล้วนกลั่นจากใจ มีการเรียนรู้พัฒนาตนเองและร่วมกันสร้างเครือข่ายเฮฮาศาสตร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ฟังให้ครบต่อเนื่องจะได้องค์รวมของการเป็นเฮฮาศาสตร์ ..ศาสตร์ที่ชื่อประหลาด แต่คนเรียนรู้มีความสุข….

ห้วยขาแข้ง: เขื่อนทับเสลา...ห้วยขาแข้ง: หมุดแผนที่บนเขาสะแกกรัง...ห้วยขาแข้ง: อนุสรณ์สถานสืบ นาคะเสถียร...ห้วยขาแข้ง: แรงของใจ 1...ห้วยขาแข้ง: ผ้าป่ามหากุุศล...เตรียมไปสวนป่าในโครงการ “วิถีพอเพียง:ชีวิตที่มีคุณค่า”...

« « Prev : ห้วยขาแข้ง: หมุดแผนที่บนเขาสะแกกรัง

Next : ห้วยขาแข้ง: ผ้าป่ามหากุุศล » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

14483 ความคิดเห็น